Metroid: Samus Return

เป็นเวลาเจ็ดปีทีเดียว ที่ไม่มีเมทรอยภาคใหม่มาให้เล่น (อะไรนะ Metroid Prime: Federation Force อะไรไม่รู้จัก)

ผมเคยเล่น Metroid ภาคแรกสุดก็คือภาคสอง Metroid II: Return of Samus บน GB แต่ภาคที่เล่นจบเป็นภาคแรกจริงๆ เป็น Super Metroid ของ SFC หลังจากนั้นก็เป็นแฟนของเกมนี้ตามเล่นมาตลอดเกือบทุกภาค

ซึ่งหลังจากภาค Other M ที่เป็นภาคที่ค่อนข้างแย่ แฟรนไชส์นี้ก็ดูจะโดนแช่แข็งไปนานมาก จนมาในงาน E3 ปีนี้ฝั่งของนินเทนโด้ที่มีประกาศ Metroid Prime IV กับ remake ของ Metroid II เลยทำให้ผมรู้สึกดีใจมากที่จะได้เล่นซีรี่ยนี้ต่ออีกครั้ง

สมัยตอนภาค 2 ก็ไม่ได้เล่นเกมเก่งอะไรเท่าไหร ซึ่งก็เล่นภาคนั้นไม่จบ น่าจะลงไปลึกได้สักโซนที่สามหรือสี่  แล้วก็เลิกไป ในความรู้สึกลางๆ ที่จำได้ในตอนนั้นก็คือพวก เมทรอย นี่มันน่ากลัวนะ ฉากก็มืดๆ มองอะไรไม่ค่อยเห็นมาก (จอ GB มันเล็กเลยมองฉากเห็นเล็กตาม) เดินๆ ไปพอจะเอ๊กับเมทรอย เพลงก็จะดังให้พอสะดุ้งๆ บ้าง ตอนนี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหรละ แต่ลางๆ ว่าตอนเด็กๆ ตอนนั้นจะกลัวกับเพลงเมทรอยนี่มาก

สำหรับภาครีเมค Samus Return นี้พอได้ยินชื่อสตูดิโอที่ทำว่าเป็น Mercury Steam นั้นก็แอบหวั่นใจเล็กน้อย เพราะประวัติผลงานที่ผ่านมานั้นดูจะไม่ค่อยดีนัก ซึ่งหลังจากเล่น Samus Return จบแล้วก็มีทั้งจุดที่ชอบและไม่ชอบปนๆ กันไป

ตัวฉากยังคงใช้วิธีแบ่งโซนแบบของเดิมอยู่เหมือนเดิม การที่จะเปิดโซนถัดไปได้ ก็จะต้องฆ่าเมทรอยทุกตัวในโซนนั้นให้หมดก่อน ซึ่งในโซนลึกๆ ก็จะเจอเมทรอยตัวที่อายุมากขึ้น โหดขึ้นเหมือนกับภาคเดิม ในแง่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากภาคเก่ามาก ตัวเกมเลือกกลับมาทำแบบซามุสที่เป็นใบ้ ไม่พูดไม่จายิงอย่างเดียวเหมือนเดิม

เกมเพลย์

ระบบใหม่สามอย่างที่เป็นจุดเด่นที่สุดของภาคนี้อย่างแรกคือปุ่ม melee ที่ใช้ปัดตัวศัตรูออกจากเราได้ และถ้ากดถูกจังหวะจะกลายเป็นเคาเตอร์ศัตรู ทำให้ศัตรูติดสตั้น เปิดโอกาสให้เรายิงฆ่าได้ง่ายๆ (น่าจะคล้ายๆ ตอนเล่นภาค other m)

ระบบที่สองคือสามารถเล็งปืนได้รอบทิศ 360องศา อันเป็นผลจากการเปลี่ยนปุ่มควบคุมทิศทางจาก D-pad มาเป็นแป้นอนาล็อค ซึ่งปรกติ จะเล็งได้ 8 ทิศทางเหมือนเดิม แต่เราสามารถกดปุ่ม L ค้างเอาไว้เพื่อยืนเล็งยิงรอบทิศทางได้

ระบบที่สาม ซามุสภาคนี้จะมีเกจ Aeon เพิ่มมาอีกเกจ ที่สามารถใช้พลังพิเศษสี่อย่างเพื่อผ่านฉากได้ เช่นพลังพิเศษอันแรกที่ได้มาคือแสกนเนอร์ สามารถใช้เปิดแผนที่รอบๆ ตัวเราได้และจะเห็นตำแหน่งที่ซ่อนไอเท็มด้วย

รวมๆ ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ

ทั้งสามระบบที่เพิ่มขึ้นมา ในแง่นึงก็คือมันเพิ่มมิติการเล่นเข้ามาเยอะมาก จากเดิมที่ภาคที่เป็น 2d ทุกภาค จะมีเพียงวิ่งๆ ยิงๆ ไปเรื่อยๆ ก็มีแอกชั่นที่ทำได้เพิ่มขึ้นมา แต่ในอีกแง่นึงคือมันทำให้ตัวเกมในช่วงแรกไปจนถึงกลางเกมช้าลงมากด้วยเช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะมีพลาสม่าบีมที่เป็นปืนที่แรงที่สุด ศัตรูหลายๆ ตัวไม่สามารถยิงให้ตายได้ง่ายๆ จะต้องคอยมานั่งเคาเตอร์ศัตรูเกือบทุกตัว เพื่อฆ่ามันทิ้ง

โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบกับระบบ Aeon นี้มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นระบบที่มาเสริมการเล่นแบบเนียนๆ เจอพื้นที่ที่เดินลุยแล้วเสียพลังก็เปิดเกราะ Aeon แล้วเดินลุย หรือเจอศัตรูที่เกราะหนาๆ ยิงไม่ค่อยเข้าก็เปิดโหมดยิงรัวได้

เรื่องชวนลำบากใจก็คือ control เกมนี้ไม่สามารถตั้งค่าอะไรได้เลย ดังนั้นถ้าเล่นยังไงไม่ถนัดมันก็คงจะไม่ถนัดไปแบบนั้นละนะ อย่างแรงคือพอเปลี่ยนจาก d-pad มาเป็น อนาล็อคเพื่อบังคับตัวเราแล้ว การที่จะต้องโยกอนาล็อคลงสองทีซ้อนเพื่อนแปลงร่างเป็นลูกบอล มันค่อนข้างลำบากเอาการมาก ยังดีที่ตัวเกมมีทางเลือกให้เอาแตะทัชสกรีนที่ขอบจอด้านซ้ายเพื่อแปลงร่างเป็นลูกบอลได้ แต่การที่ต้องปล่อยนิ้วโป้งจากอนาล็อคไปแตะทัชสกรีน ก็เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ทางเดียวที่จะทำได้ก็คงต้องฝึกโยกอนาล็อคให้คล่องละมัง

ที่ไม่ถนัดอีกอย่างคือการยิงมิซไซล์ที่ให้กดปุ่ม R ค้างไว้เพื่อเปลี่ยนเป็นมิซไซล์ จริงๆ ผมจะถนัดแบบ Super metroid ที่ใช้วิธีกดปุ่มเพื่อเลือกอาวุธไปมามากกว่าการกดปุ่มแช่ค้าง เล่นไปนานๆ มันก็เมื่อยนิ้วเหมือนกัน

จุดที่รู้สึกค่อนข้างแย่ ภาคนี้เป็นภาคที่ศัตรูอัดแรงไร้เหตผลมาก ตัวซามุสไม่ได้มีหลอดเลือดเยอะเหมือนตอนภาค Super Metroid หรือ Metroid Fusion (จำนวนสูงสุด 10หลอด ถ้าเล่นแบบปรกติไปเรื่อยๆ น่าจะมีกัน 6-8 หลอด) แต่บอสท้ายๆ เกมแต่ละตัว สามารถสะกิดเบาๆ ให้หลอดเลือดเราหายไปทีละสามหลอดได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งโดยปรกติเมทรอยทุกภาค ในโหมดความยากปรกติจะค่อนข้างใจดี อัดไม่แรงมากปล่อยให้เราค่อยๆ เรียนรู้การโจมตีของบอสไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่กับ Samus Return ที่นอกจากจะอัดแรงควายบ้านบึ้มแล้ว บอสบางตัวยังมีแพทเทิร์นการโจมตีที่มากจนชวนปวดหัว ซึ่งระดับของคนเล่นเกมปรกติ ไม่น่าจะผ่านกันได้ใน 1-2 รอบเลย

โดยรวมๆ ภาคนี้เป็นภาคที่สนุก แต่ค่อนข้างยาก ถ้าเคยชินกับเมทรอยภาค 2d ภาคเก่าๆ มาเล่นภาคนี้ก็อาจจะต้องปรับตัวกันนิดนึง เราไม่สามารถเดินหน้าฆ่ามันแบบภาคเก่าได้ (จนกว่าจะได้พลาสม่าบีม) แต่เราก็มีความสามารถที่จะใช้ผ่านฉากได้เพิ่มมาหลายอย่างด้วยเช่นเดียวกัน

ปล. เคยพยายามลองเล่นเมทรอยภาคแรกสุด แต่เล่นยังไงก็ไม่รอด รู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลย

*รูป cover เอามาจาก official website ของ nintendo

Leave a Reply