Steam Summer Sale 2018

ตอนแรกว่าจะเขียนเกมเดียวแต่ไหนๆ ก็ไหนๆ เขียนทุกเกมที่ซื้อมาในช่วง Steam Summer Sale รอบนี้ให้หมดไปเลยละกัน

Protolife

อันนี้จริงๆ ซื้อก่อนหน้า Steam Summer Sale แปบนึง แต่เกมลดราคา 10% เป็นโปรตอนวางขาย รู้สึกโดนกับคอนเซ็ปของเกม เลยกดมากะว่าถ้าไม่ชอบก็จะรีฟันไป

สรุปว่าติดงอมแงม เล่นรวดเดียวจบ campaign ไปเลย ตัวเกมเป็นแนว Tower Defend ที่ให้เราบังคับหุ่นยนต์หนึ่งตัว ที่สามารถวิ่งไปมาบนฉาก แต่ไม่สามารถโจมตีศัตรูได้ด้วยตัวเอง จะต้องอาศัยป้อมปืนที่วางลงตามฉากเป็นตัวกันฐานจากศัตรูแทน

ศัตรูของเกมนี้จะคล้ายๆ พวก Zerg ใน Starcraft ฉากจะมีส่วนที่เป็นเมือกสีม่วงๆ อยู่ซึ่งเมือกจะค่อยๆ ขยายขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป เมื่อเมือกขยายตัวเข้า ศัตรูที่เกิดตามเมือกก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ศัตรูในเกมจะไม่ได้มีช่วงรุกรานตลอดเวลา โดยตัวเกมจะมีช่วงเวลาสลับกัน เป็นช่วงกลางวันกับกลางคืน (แต่ละฉากจะมีช่วงกลางวันกลางคืนไม่เท่ากัน) ในช่วงกลางวันศัตรูจะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรและเมือกก็จะไม่ขยายตัว เป็นช่วงอิสระที่เราจะมีโอกาสไปวางป้อมปืนตามจุดต่างๆ ค่อยๆ รุกคืบไปในแดนศัตรู แต่พอเข้าช่วงกลางคืน ศัตรูก็จะบุกกลับเราด้วยปริมาณมหาศาล ถ้าวางป้อมไว้ป้องกันไม่ดี ก็อาจจะโดนตีด่านป้องกันแตก ทะลุไปจนถึงฐานทัพเอาได้ง่ายๆ

จุดที่ทำให้เกมเป็นเอกลักษณ์จริงๆ คือวิธีการวางป้อมปืนของเกมนี้ ตัวเราจะใช้วิธีการวางบล็อกๆ ลงไปตามฉาก เมื่อบล็อกเรียงตัวกันเป็นแพทเทิร์นที่ถูกกำหนดเอาไว้ บล็อกเหล่านั้นก็จะกลายเป็นป้อมปืน หรือกำแพงขึ้นมา มันเป็นรูปแบบเกมที่เรียบง่ายมาก

ตัวเกมตอนนี้มีเพียงแค่โหมด Single Player Story Campaign เท่านั้นซึ่ง Dev มีแผนพัฒนาโหมดสร้างฉากเพิ่มขึ้นมาในอนาคต แต่ดูจากยอดคนเล่นแล้วผมคิดว่าเกมนี้คงไปได้ไม่น่าไกลเท่าไหร

Hollow Knight

โดนเพื่อนสองคนไซโคมาให้เล่น จริงๆ ก็เคย add wishlist ไว้นานแล้วแต่ลืมกะว่ารอลดราคาถูกๆ ค่อยกดมาเล่น แต่จนแล้วจนรอดลดราคาไปหลายรอบก็ไม่ได้ซื้อสักที จนตอนเกมมันลง Swtich แล้วเพื่อนที่ซื้อมาเล่นก็คุยกันทุกวันเลยชักทนไม่ไหว บวกกับ Summer Sale ลดราคามาพอดีเลยจัดมา

โดยรวมๆ เป็นเกมที่เล่นไม่เหมือนดาร์คโซลแต่ให้ความรู้สึกเหมือนดาร์คโซลมากที่สุดเท่าที่เคยเจอ ตัวเกมเป็นสไตล์ที่ฝรั่งจะเรียกกันว่า Metroidvania เพราะ Metroid ที่ถือเป็นต้นแบบของเกมการผจญภัยในฉากที่มีลักษณะต่อกันยาวไปเรื่อยๆ เป็นโลกโลกหนึ่ง ที่ไม่มีการแบ่งเป็น Stage ชัดเจน และ Castlevania (ตั้งแต่ภาค Symphony of the Night หรือ แดร็กคูล่า X) ที่ใช้ระบบแผนที่คล้ายกับ Metroid เลยทำให้ทั้งสองเกมโดนยกเป็นแม่แบบของเกมในแนวนี้เสมอ

Hollow Knight เป็นเกมแบบ Metroidvania ที่ไม่มีการเก็บเลเวล แต่มีอัปเกรดตัวละครเพิ่มท่าไม้ตาย เพิ่มพลัง จุดที่เหมือนดาร์คโซลในแง่ของเมคคานิคเกม มีเพียงแค่ ถ้าเราตายตรงไหน เงินที่เราเก็บมาจะหล่นอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าถ้าตายอีกรอบเงินที่หล่นไปก่อนหน้าก็จะหายไปหมดเลย มีแค่นี้จริงๆ แต่สาเหตุที่ผมคิดว่าเกมนี้ เป็นเกมที่เหมือนดาร์คโซลที่สุด มาจากบรรยากาศในตัวเกม ทั้งในเรื่องเซ็ตของโลก ที่เปลี่ยนจากมนุษย์มาเป็นแมลง แต่มันมีความดาร์คๆ ของมันอยู่ (พวกมึงสองเกมมาจากจักรวาล DC ทั้งคู่แน่ๆ) ที่พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆพบว่าโลกในเกมมันบิดเบี้ยวไปแค่ไหน

ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง ที่ทุกอย่างจะไม่ได้เล่าออกมาตรงๆ แต่ผู้เล่นจะต้องปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาเอง ปริศนาบางอย่างก็ไม่มีการกล่าวถึงเลย ในตอนแรกที่ผมไปจนจบฉากจบแรก ผมวิ่งไปเปิดหากระทู้ฝรั่งที่คุยกันเลย เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่เคลียอยากรู้ว่าคนอื่นคิดกันแบบไหน เหมือนตอนสมัยเล่น DS, BB เปะ

ทั้งวิธีการวางจุดเซฟ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้มีเยอะจนเหลือล้น ทำให้ทุกๆ ย่างก้าว ในโซนใหม่ๆ จะมีความกดดันตามมาอยู่ (ตายแล้วเงินหาย) การได้พบจุดเซฟในดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายมันก็เหมือนการพบแหล่งโอเอซิสเล็กๆ ที่ช่วยเติมเต็มพลังงานของเราต่อไปได้

และที่สำคัญคือส่วนของบอสไฟท์ บอสแต่ละตัวจะเคลื่อนที่ค่อนข้างเร็ว และไม่เปิดช่องให้เราทำอะไรได้มากนัก แต่ถึงจะรีไทร์ไปหลายรอบก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบอสโกงเท่าไหร แต่จะว่าไป Hollow Knight ก็ไม่มีบอสตัวไหนที่ทำให้ผมสบถออกมาได้ดังๆ ตอนชนะ หลังจากที่แพ้มาเป็นสิบๆ รอบเหมือนตอนเล่น DS, BB นะ อาจจะเพราะพอเป็น 2D ความกดดันมันน้อยกว่า 3D ก็ได้

สรุป เป็นเกมที่ชอบ คุ้มราคาและดีมาก จนน่าเป็นห่วงว่า Bloodstained ที่ไฮป์ๆ กัน จะทำออกมาสู้เกมนี้ไหวไหม (ฮา)

House of the Dying Sun

เป็นเกม Space Flight Sim เกมหนึ่งที่ผมเคยเล็งเอาไว้นานแล้ว content ของเกมค่อนข้างน้อยมาก ในเกมจะไม่มีคัทซีน ไม่มีเล่าเรื่องอะไรมาก มิชชั่นแต่ละฉากใช้เวลาแปบเดียว จบภาระกิจ แล้วก็บินหนีออกมาเลย แต่ ตัว Core Gameplay ทำมาได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว

เริ่มแรกมาเราจะมียาน Intercepter แค่ลำเดียว แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมียานในฝูงบินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความยากของฉากที่เพิ่มขึ้น และมียานชั้น Covette กับ Frigate เพิ่มเข้ามาในฝูงด้วย แต่เกมจะให้เราบังคับแต่ Intercepter เท่านั้น ถ้าเราตายระหว่างภารกิจ เราก็จะไปบังคับ Intercepter ลำอื่นที่ยังเหลืออยู่ในฉาก แต่การอัปเกรดยานค่อนข้างจำกัดมาก ไม่ค่อยมีตัวเลือกอะไรให้เราทำได้เท่าไหร

ตัวเกมทั้งหมดเล่นตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น พ้นหลังจากนี้ไปก็คือเล่นฉากเดิมซ้ำในความยากที่สูงขึ้นเพื่อปลดล็อกอัปเกรดเพิ่ม แต่อย่างที่บอกว่าตัวเลือกการอัปเกรดจำกัดมาก ยานลำหนึ่งใส่ช่องอัปเกรดได้แค่ 2 ช่อง ซึ่งช่องนึงแทบจะโดนบังคับใส่ Shield กันกระสุนอยู่แล้ว เลยถึงจะปลดล็อกอัปเกรดเพิ่มขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ใช้อะไร

ตัวเกมฝรั่งชมว่าเป็นเกมที่ใช้กับ VR ได้ดีที่สุดเกมหนึ่ง เอาไว้ถ้ามีโอกาสได้ซื้อแว่น VR เมื่อไหรก็คงจะกลับมาลองเล่นอีกครั้ง

VA-11 Hall-A

เกม VN แบบที่จะ branching path ตามค็อกเทลที่เราเสริฟให้ลูกค้า จริงๆ เห็นมัน Overwhelming Positive เลยกดมาลอง ด้วยความคาดหวังว่าจะโดนเกมมันปล่อยของอะไรออกมาหรือไม่ เล่นจบแล้วก็ผิดหวังนิดหน่อยย ไม่ได้เห็นจะมีอะไรแรงๆ เลย

ตัวเอกของเกมจะเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านเหล้า ที่เนื้อเรื่องจะเล่าผ่านทางการพูดคุยกับลูกค้าที่เข้าร้านมา เนื่องจากตัวเกมเป็นธีม Cyberpunk ลูกค้าแต่ละรายก็เลยจะไม่ค่อยปรกติเท่าไหรนัก ตั้งแต่คนธรรมดา ไซบอร์ค แอนดรอย หมาคอร์กี้ และ ผีไซเบอร์

บทพูดในเกมไม่ได้สมจริงเท่าไหรหรอก คือในชีวิตจริงถ้าเดินเข้าบาร์เหล้าไปแล้วบอก ขออะไรก็ได้ซ่าๆ เย็นๆ นี่อาจจะโดนด่ากลับพร้อมขวดเหล้าบินตามมา แต่ในเกมก็จะเป็นบาร์แบบ stereotype ที่น่าพบเห็นได้ตามอนิเมะทั่วไป แต่ความน่าสนใจก็คือบทพูดในเกมนี่ละ ที่อ่านได้เพลินๆ ท็อปปิกแต่ละเรื่องก็จะวนเวียนอยู่กับ ผู้ก่อการร้าย ความสัมพันธ์ของคน กับ เซ็กซ์ แต่เกมก็ไม่ได้เปิดให้เราไปเลือกจีบใครได้อะไรแบบนั้น รูทในเกมถูกล็อกไว้ตายตัวแล้ว ไม่ได้มีหลายรูท สิ่งที่เปลี่ยนคือบทพูดบางช่วงจะเปลี่ยนไปตามเครื่องดื่มที่เราเลือกเสิรฟ์ให้

สรุปว่าคาแร็กเตอร์ในเกมมีสีสันดี อ่านได้เพลินๆ แปบเดียวหายไปสิบชั่วโมง แต่คิดว่าไม่น่าจะถึงขั้น Overwhelming Positive ได้เลยน้า