BattleTech/MechWarrior ภาคกำเนิดแคลน (Clan) นักรบแห่งเคอเรนสกี้

ครับ เนื่องจากช่วงนี้เน็ตทรูเน่ามาก เล่นเกมออนไลน์อะไรไม่ได้เลย….

ก็เลยถือโอกาสแกะเนื้อเรื่องฝั่งแคลนต่อ (ฮา) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนสนใจกันเยอะรึเปล่า แต่ไหนๆ ก็แปลจบกำเนิดแคลนไปแล้ว ก็เอามาลงต่อละกัน

คราวนี้จะมาเล่าถึงเนื้อเรื่องหลังจากจบศึกกบฎ Amaris ที่ทำให้ InnerSphere แตกแยกเป็นห้าฝ่ายด้วยกัน ทำให้ อเล็กซานเดอร์ เคอเรนสกี้ ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลัง Star League Defense Force (SDLF) สิ้นหวังกับการปกครองของ InnerSphere และเลือกที่จะออกเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ไปพร้อมๆ กับผู้ที่ศรัทธาในตัวเขา

อพยพ (Exodus)

รูปเสีย

ก่อนออกเดินทาง อเล็กซานเดอ เคอเรนสกี้ ได้ทำการบันทึกข้อมูลของแผนที่ดวงดาวทั้งหมดเอาไว้ในยานอวกาศ และทำลายสำเนาต้นฉบับที่อยู่กับ Star League ทิ้ง แต่ถึงแม้จะมีแผนที่ดวงดาวอยู่ในมือ เคอเรนสกี้ไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่แน่นอนลงไป มีเพียงจุดหมายคร่าวๆ เท่านั้น ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้มีหลักฐานปรากฏหลงเหลือไปถึง InnerSphere

ในช่วงระหว่างการเดินทาง เส้นทางการเดินกองเรือยังมีการเปลี่ยนไปมาอยู่บ่อยๆ รวมถึงการทำหลักฐานปลอม ตามระหว่างทาง เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนร่องรอยการเดินทาง กว่าที่ InnerSphere จะรู้ถึงที่ตั้งแน่นอน ก็เป็นเวลาอีกหลายร้อยปีหลังจากที่ผู้อพยพได้ตั้งถิ่นฐานไปเรียบร้อยแล้ว

แต่การเดินทางในสภาพแบบนี้ย่อมมีขีดจำกัด กองยานผู้อพยพไม่สามารถล่องลอยไปมาได้ตลอดกาล และความอดทนของผู้คน ที่ต้องทนกับภาวะที่คลาดแคลนทั้งอาหาร และทรัพยากรมาตลอดจนเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว ในขณะนั้นกองยานผู้อพยพก็เดินทางออกห่างจากเทอร่า (โลก) มาได้เป็นระยะทาง 1300 ปีแสง จนมาพบกับกลุ่มดาวเนบิวล่าที่มีความหนาแน่นเป็นพิเศษ ที่มีคุณสมบัติช่วยบดบังไม่ให้ภายนอกสามารถตรวจพบได้ และใกล้ๆ กันนั้นก็มีดวงดาวที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการตั้งถิ่นฐานอยู่ด้วยกัน 5 ดวง เคอเรนสกี้จึงได้ตัดสินใจที่จะเลือกดาว 5 ดวงที่ค้นพบนี้เป็นบ้านเกิดแห่งใหม่ และตั้งชื่อดาว 5 ดวงนั้นว่า Arcadia, Babylon, Circe, Dagda และ Eden รวมทั้งหมดเรียกว่า Pentagon เนื่องจากดาว 5 ดวงนี้เรียงตัวกันเกือบจะเป็นรูปดาวห้าแฉกพอดี

เริ่มต้นใหม่

เดิมที่ผู้ที่ติดตามมากับกองยานอพยพ ก็ไม่ได้มาจากดาวดวงใดดวงหนึ่ง จึงประกอบไปด้วยหลายเชื้อชาติเผ่าพันธ์มากมาย การตั้งรกรากใหม่จึงหลีกเลี้ยงความขัดแย้งที่มาจากพื้นเพเดิมของคนแต่ละคนไม่ได้ ซ้ำคนส่วนใหญ่ที่ติดตามกันมาพื้นหลังเดิมยังเป็นทหารนักรบซะส่วนใหญ่

หากเป็นแบบนี้ต่อไปดาวก็จะอยู่ไม่ได้ เคอเรนสกี้จึงออกมาตรการขั้นเด็ดขาดในการแก้ปัญหา หนึ่งคือการปลดกองกำลังทิ้งไปถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการทดสอบต่างๆ ผู้ที่มีความสามารถจริงๆ เท่านั้นที่จะเป็นนักรบต่อไปได้ ส่วนผู้ที่คุณสมบัติไม่ผ่านก็จะต้องเข้าการทดสอบด้านอื่นๆ เพื่อหางานที่เหมาะสมแทน

สอง เคอเรนสกี้คาดเดาเอาไว้ว่า ภายใน InnerSphere จะต้องมีสงครามกันเอง และสงครามที่รุนแรงเหล่านั้นอาจจะทำให้เทคโนโลยีสูญหายไปได้ ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้รวบรวมข้อมูลของเทคโนโลยีทั้งหมดในขณะนั้น มาบันทึกไว้ในฐานข้อมูลเพื่อเป็นสำเนาเอาไว้

แต่กลายเป็นว่าการปลดอาวุธออกสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ไม่ได้เป็นทหารต่ออย่างมาก เพราะคนในกลุ่มนี้ยึดติดกับศักดิ์ศรีเดิม และหลายคนก็ต้องไปทำงานที่ต่ำต้อยกว่าอย่างการใช้แรงงาน รวมกับปัญหาทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งปัญหาที่มองไม่เห็นทั้งหมดก็ค่อยๆ สะสมกันเป็นเวลาถึง 15 ปี จนในที่สุดผู้คนบนดาวทั้ง 5 ดวงต่างระเบิดความไม่พอใจออกมา เกิดเป็นการจารจลครั้งใหญ่ขึ้นในเพนทาก้อน

ทางเคอเรนสกี้ที่ในขณะนั้นมีอายุเกิน 100 ปีไปแล้ว ก็เกิดหัวใจวายตายขณะที่กำลังวางแผนปราบจารจลในเพนตาก้อน เมื่อทหารขาดผู้นำไปการสั่งการต่างๆ ก็เลยแทบจะเป็นอัมพาตไป เลยการเป็นเติมเชื้อไฟลงในกองเพลิงให้ความรุนแรงหนักยิ่งขึ้นไปอีก

รูปเสีย

ในขณะนั้นเองทายาทของเคอเรนสกี้นามว่า นิโคลัส เคอเรนสกี้ ก็ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าทัพต่างๆ ที่ประจำการอยู่บนดาวโคโลนี่รอบๆ เพนตาก้อน แต่ว่าทหารในเพนตาก้อนกลับปฎิเสธ นิโคลัส เคอเรนสกี้ โดยสิ้นเชิงด้วยการให้เหตผลว่านิโคลัสยังด้อยประสบการณ์ในสนามรบจริง

เมื่อสภาพเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพนตาก้อน ก็เริ่มมีสภาพเหมือนกับ InnerSphere ผู้มีอำนาจทางทหารบนดาว 5 ดวงต่างเริ่มที่จะแย่งชิงขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่แทน จนในที่สุดเคอเรนสกี้หนุ่มตัดสินใจที่จะอพยพครั้งที่สองไปยังดาว Strana Mechty พร้อมกับผู้ที่สนับสนุนตัวเขา ผู้ที่ติดตามเคอเรนสกี้หนุ่มคิดได้เป็นราวๆ 25% ของประชากรทั้งหมดในขณะนั้น ส่วนเพนตาก้อนหลังจากที่นิโคลัสอพยพออกไปแล้วเพียงแค่ 3 สัปดาห์หลังจากนั้นก็ทำสงครามเข้าห้ำหั่นกันเองอย่างเต็มรูปแบบ (สงครามนี้ถูกเรียกว่า Exodus Civil War)

*Strana Mechty เป็นกลุ่มดาวที่ค้นพบหลังจากเพนทาก้อนได้ไม่นาน เป็นภาษารัสเซียหมายถึง “แดนแห่งความฝัน”

กำเนิดแคลน

นิโคลัส ลงความเห็นว่ารูปแบบการปกครองและระบอบทหารแบบเดิมๆ นั้นทั้งสิ้นหวังและไร้ประสิทธิภาพ เขาจึงได้จัดระเบียบกองทัพใหม่ใหม่ทั้งหมด นักรบทั้ง 800 นายที่ติดตามมา ถูกแบ่งออกเป็น 20 แคลน (40 ต่อ 1) และทิ้งระบบสายบัญชาแบบเก่าทิ้ง ออกแบบระบบใหม่โดยมีดวงดาวเป็นแม่แบบนั่นคือ

  • 1 Mech นับเป็น 1 Point
  • 5 Point รวมกันเป็น 1 ดาว (Star)
  • 2 ดาว รวมกันเป็น 1 ไบนารี่ (Binary)
  • 4 ไบนารี่ รวมกันเป็นกลุ่มดาวคลัสเตอร์ (Cluster) เทียบเท่าแคลนหนึ่งแคลนในขณะนั้น (40 นักรบ)
  • 3 ถึง 7 คลัสเตอร์ รวมเป็นแกแลกซี่ ซึ่งเป็นหน่วยนับสูงสุดของระบบสายบังคับบัญชาแบบใหม่

*InnerSphere ใช้ระบบสายบัญชาเริ่มจาก

  • 4 Mech เป็น 1 Lance
  • 3 Lance เป็น 1 กองร้อย (Company)
  • 3 กองร้อยเป็น 1 กองพัน (Battalion) ดังนั้น 1 กองพันจึงมีจำนวนหน่วยรบต่ำสุด 36 Mech (เปลี่ยนแปลงได้)
  • 3 ถึง 5 กองพัน รวมกันเป็น 1 กรมทหาร (Regiment)

แคลนทั้ง 20 ถูกตั้งชื่อตามสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรมต่างๆ โดยสัตว์ที่ถูกเลือกมาเป็นชื่อแคลนก็จะสะท้อนถึงพฤติกรรมและคุณสมบัติของแต่ละแคลนออกมา (ขอยกมาแค่ 4 แคลนที่จะมีบทบาทในศึก Clan Invasion)

Wolf

รูปเสีย
รูปเสีย
รูปเสีย
แคลนวูลฟ์ก่อตั้งโดย Jerome Winson ที่นับเป็นพี่น้องบุญธรรมกับนิโคลัส นิโคลัสมอบชื่อวูลฟ์จาก หมาป่าที่อยู่ใน Strana Mechty หมาป่าเหล่านี้นอกเหนือจากขนาดที่เป็น 2 เท่าของหมาป่าบนโลก รูปร่างอื่นๆ โดยทั่วไปก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในสายตาของนิโคลัสพวกมันเป็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นชื่อวูลฟ์จึงแสดงถึงการเป็นสุดยอดของเหล่านักรบ และในหลายๆ ศึกแคลนวูลฟ์ก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความสามารถในการสู้รบของพวกเขา

Jade Falcon

รูปเสีย
รูปเสีย
เหยี่ยวมรกต เป็นสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรมที่ผสมผสานยีนของนก peregrine และ gyrfalcon จุดประสงค์หลักเพื่อกำจัดแมลงและศัตรูพืชในโคโลนี่รอบๆ ของแคลน

รูปเสีย

ผู้ที่สามารถเลี้ยงเหยี่ยวมรกตให้เชื่องได้เป็นคนแรกคือ Elizabeth Hazen และเธอตั้งชื่อนกว่า ทุกิน่า (Tukina) ในตอนที่เกิดการจารจลขึ้นบนเพนตาก้อน เธอได้สูญเสียหุ่นรบและเพื่อนรักของเธอไปในการสู้รบกับพวกแบ่งแยกดินแดน และในขณะที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก ก็ได้เห็นนิมิตเหยี่ยวที่เธอเลี้ยงเอาไว้ที่แก่ตายตั้งแต่ก่อนเกิดจารจล มาต่อว่าเธอที่หมดกำลังใจ ทำให้ ฮาเซนลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เมื่อเธอลุกขึ้นมาและไร้อาวุธเหยี่ยวมรกตก็ออกมากล่าวว่า “ร่างกายของนักรบก็คืออาวุธ ดาบและปืนเป็นเพียงสิ่งที่ต่อเติมเข้ามาเท่านั้น” ฮาเซนได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะสู้ต่อแม้มีเพียงมือเปล่า แต่คราวนี้เธอได้ยินเสียงร้องของเหยี่ยวมรกตอีกครั้ง เมื่อหันหน้าขึ้นไปบนฟ้า ก็พบว่าทุกิน่าของเธอใช้กรงเล็บถือดาบคาตานะมาให้ ฮาเซนจึงใช้ดาบคาตานะสังหารฝ่ายตรงข้ามล้มตายไปเป็นจำนวนมากและนำทัพที่หลงเหลืออยู่จนได้ชัยชนะเหนือกองทัพแบ่งแยกดินแดนขึ้นมาได้ในที่สุด

เมื่อเธอตามนิโคลัสมา ก็ได้เป็นหนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้ง Jade Falcon และเป็นข่านอาวุโสคนแรกของแคลน ส่วนเรื่องเล่าของเธอกับทูกิน่าก็กลายมาเป็นรากฐานของแคลน Jade Falcon ถึงทุกวันนี้

Ghost Bear

รูปเสีย
รูปเสีย
อาศัยอยู่ในขั้วโลกใต้ของ Strana Mechty มีรูปร่างคล้ายกับหมีขั้วโลกของโลกมนุษย์แต่มีขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า โดยมีความยาวถึงหัวไหล่ถึง 2.3 เมตร ความยาวขณะยืนสูงถึงสี่เมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ยหนึ่งตัน มีขนสีขาวบริสุทธิ์

รูปเสีย

ในตอนที่นิโคลัสกำลังสร้างแคลน นิโคลัสเห็นว่าคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง (Hans Ole Jorgensson และ Sandra Tseng) มีความสามารถมากจนเป็นที่น่าเสียดายหากจะต้องให้ทั้งคู่อยู่ในแคลนเดียวกัน แต่แทนที่ทั้งคู่จะปฏิเสธนิโคลัสตรงๆ ทั้งคู่กลับเลือกที่จะตายด้วยกัน โดยเดินทางไปยังขั้วโลกใต้ของ Strana Mechty จนกว่าจะหมดเสบียง

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังรอความตายอยู่ในถ้ำหิมะ ก็พบกับ Ghost Bear ซึ่งหมีก็ก็เดินวนไปวนมาสังเกตอยู่รอบๆ คอยเฝ้ามองสองคนที่กำลังสั่นด้วยความหนาวและหิวกระหาย จนหมดสติไปในที่สุด แต่เมื่อสองคนนั้นตื่นขึ้นมา ก็พบว่าหมีก็ไม่ได้เข้าทำร้ายสองคนนั้น แต่กลับหาอาหารมาให้ทาน เป็นเวลาถึงสามวันจนทั้งคู่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เมื่อออกมาจากที่พักทั้งคู่ก็พบว่าไม่ได้ได้รับการดูแลจากหมีเพียงตัวเดียว แต่เป็นจากหมีทั้งฝูง ทั้งคู่จึงกลับไปหานิโคลัส และวิงวอนขอให้แคลนเห็นถึงความสำคัญของครอบครัวและชุมชน เมื่อนิโคลัสได้ยินเรื่องราวต่างๆ จึงยินยอมที่ให้ทั้งคู่อยู่ในแคลนเดียวกันและมอบชื่อ Clan Ghost Bear ให้เพื่อเป็นการยกย่อง

Smoke Jaguar

รูปเสีย
รูปเสีย

ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้อาศัยอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เนืองจากขนมีสีเทาคล้ายสีของควันเลยเป็นที่มาของชื่อ เสือจากัวร์สีควันเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย ซึ่งแคลน Smoke Jaguar ก็เป็นแคลนที่ก้าวร้าวและรุนแรงที่สุด แต่แคลน Smoke Jaguar ไม่ได้หัวแข็งเหมือนอย่างแคลน Jade Falcon พวกเขาเข้าประจัญบานได้รวดเร็วกว่าและปรับเปลี่ยนยุทธวิธีได้อย่างรวดเร็ว สองอย่างนี้ทำให้แคลน Smoke Jaguar เป็นแคลนที่อันตรายมากที่สุดแคลนหนึ่ง

รูปเสีย

Smoke Jaguar ก่อตั้งโดย Franklin Osis เดิมทีเป็นคนที่รักสงบมาก แต่ในปี 2809 ในขณะที่น้องชายของเขากำลังเฝ้ามองเสือจากัวร์สีควันอยู่ ก็ถูกเสืออีกตัวที่คอยซุ่มอยู่ฆ่าตาย ความตายของน้องชายเปลี่ยนให้โอสิสกลายเป็นนักรบที่บ้าคลั้งและเขาก็ได้ฆ่าเสือจากัวร์ทิ้ง นับตั้งแต่วันนั้นมาโอซิสก็กลายเป็นคนที่ไร้ความปรานีและกระหายเลือดเหมือนกับสัตว์ป่าที่เขาฆ่าทิ้งไป นิโคลัสเห็นว่าเขามีทักษะการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ และในเวลาไม่นานเขาก็เป็นที่นับถือของนักรบคนอื่นดังนั้น นิโคลัสจึงเลือกให้เขาเป็นข่านคนแรกของแคลน

ระบบการปกครองและสังคมของแคลน

แคลนแต่ละแคลนจะถูกปกครองโดยสภาที่ประกอบไปด้วย

นักรบที่ได้รับ Bloodname Bloodname เป็นนามสกุลของนักรบทั้ง 800 คนแรกที่ติดตามนิโคลัสมา เด็กที่เกิดมาในสังคมของแคลนจะไม่มีนามสกุลแต่แรก จนกว่าเขาจะได้ผ่านการทดสอบที่เหมาะสมและได้รับมอบ Bloodname เป็นชื่อของเขาเท่านั้น

ข่าน (kaKhan) ที่ถูกเลือกมาจากสภา ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาการทางทหารระดับสูง

รองข่าน (saKhan) จะถูกเลือกโดยข่านอีกที มีหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน โดยไม่ได้มีหน้าที่พิเศษเจาะจงลงไป

เนื่องจากแคลนแต่ละแคลนจะถือเอาว่าสมาชิกของแคลนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นสภาแคลนจะปกครองนักรบและสมาชิกของตัวเองโดยไม่ก้าวก่ายแคลนอื่นๆ นอกจากจะมีความจำเป็นจริงๆ

ข่านจากทุกแคลนจะรวมตัวกันเป็นสภาสูงอีกทีหนึ่ง ที่จะทำหน้าที่ตัดสินเรื่องต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสังคมแคลนทั้งหมด ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของสภาสูงจะถูกเรียกว่า อิลข่าน (ilKhan) โดยปรกติจะไม่มีคนรับตำแหน่งนี้ นอกจากจะอยู่ในภาวะที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อกระทำบางอย่างที่มีจุดประสงค์ร่วมกัน เช่นอยู่ในภาวะสงคราม แน่นอนว่าผู้ที่รับตำแหน่งนี้เป็นคนแรกย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก นิโคลัส เคอเรนสกี้ เอง

รูปเสีย

นิโคลัสใช้เวลาทั้งหมด 20 ปีในการจัดระเบียบกองทัพและกำลังใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อที่จะยึดเพนตาก้อนกลับคืน ตามแผนที่นิโคลัสได้วางเอาไว้ (Operation Klondike) และเมื่อนิโคลัสกลับมาที่เพนตาก้อน นักรบทั้ง 800 นายของนิโคลัสก็แสดงแสนยานุภาพบดขยี้ผู้ต่อต้านอย่างสิ้นเชิง

ถึงจะเป็นเวลาเพียงแค่ 20 ปีแต่สงครามภายในเพนตาก้อนกลับร้ายแรงกว่าสงคราม Succession War มาก ทหารที่อยู่รอดมาได้ เมื่อเจอกับแคลนที่มาทวงบรรลังค์คืน ก็มีเพียงอาวุธยุทโธปกรณ์ผุๆ ผังๆ จึงไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีปริมาณกองกำลังคนที่มากกว่าก็ตาม จนเมื่อจบสงครามประชากรก็ล้มตายไปกว่าครึ่งจากจำนวนแรกสุดที่อพยพกันมา

นิโคลัสได้เผยแพร่แนวคิดต่างๆ และอบรมผู้คนที่หลงเหลืออยู่ตามแนวทางของบิดาของเขา และให้คำมั่นสัญญาว่า “วันหนึ่งพวกเราจะกลับไป InnerSphere กลับไปกอบกู้ StarLeague ของพวกเรา” เมื่อความสามารถของนิโคลัสเป็นที่ประจักษ์แล้ว ผู้คนก็ยกย่องให้เขาเป็นผู้กอบกู้ ดังนั้นนิโคลัสจึงเริ่มทำการกวาดล้างสิ่งต่างๆ ที่จะเป็นภัยในภายหลังทิ้งไปทั้งหมด และล้มล้างการปกครองแบบเดิมทิ้งจนหมดสิ้น สั่งให้ประชากรเดิมเข้าร่วม 1 ใน 20 แคลน และนำเอาระบบ วรรณะเข้ามาใช้แบ่งชนชั้นต่างๆ

เขาเชื่อว่าหากเขาตายก่อนที่จะทำให้สังคมแคลนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่จะทำงานต่อได้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมและสูญเปล่า ทหารเพียง 800 นายของเขาคงไม่เพียงพอต่อเป้าหมายที่ต้องการได้ จึงมีการออกกฎการแต่งงานกันในวรรณะเดียวกันเท่านั้น เพื่อจะรักษาคุณภาพของยีนเอาไว้ในรุ่นลูก และจำกัดจำนวนลูกที่มีได้ของแต่ละวรรณะ วรรณะที่อยู่สูงกว่าก็มีโอกาสที่จะมีลูกได้มากกว่าวรรณะที่ต่ำกว่า

รูปเสีย

ในภายหลังก็มีการคิดวิธีผสมเทียมด้วยมดลูกเทียมเพื่อสร้างเด็กที่จะเกิดมาเป็นนักรบโดยเฉพาะ เด็กที่เกิดด้วยวิธีนี้จะถูกเรียกว่า sibko (มาจาก sibling company) เพราะเกิดจากยีนเพียงชุดเดียว แต่ได้พี่น้องทีเดียว 20 คน (มากสุดถึง 100 คน) ที่มียีนแตกต่างกัน ไม่ได้เป็นฝาแฝดกันตรงๆ sibko ทุกคนที่เกิดมาจะต้องได้รับการทดสอบอยู่ตลอดซึ่งมักจะผ่านไปเป็นนักรบได้เพียงแค่หนึ่งในสิบคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะต้องไปอยู่ในวรรณะอื่นที่เหมาะสมกว่า ดังนั้นโปรแกรม sibko จึงเป็นตัวเร่งจำนวนประชากรที่มีอยู่น้อยไปในตัวด้วย

*เด็กที่เกิดมาเป็น sibko จะเรียกว่า trueborn ส่วนเด็กที่เกิดมาด้วยวิธีทางธรรมชาติจะเรียกว่า freeborn ในสังคมนักรบของแคลน จะให้การยกย่อง trueborn มากกว่า ในขณะที่ freeborn จะเป็นที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามของนักรบ

**ห้าวรรณะหลักได้แก่ นักรบ นักวิทยศาสตร์ พ่อค้า ช่างเทคนิค กรรมกร ส่วนวรรณะโจรจะใช้เรียกพวกรีตที่ไม่อยู่ในกฎสังคมของแคลน

Six Trial

เนื่องจากนิโคลัสเห็นว่า การสู้รบฝังอยู่ในสัญชาติญาณของมนุษย์ จึงได้ออกกฎการทดสอบ/การประลอง ไว้ 6 อย่าง ที่เข้ากับสังคมของแคลน ที่ยึดถือเกียรติ์และศักดิ์ศรีในการสู้รบ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาฝีมือในการสู้รบ และใช้เป็นข้อยุติความบาดหมางต่างๆ ของแต่ละฝ่ายได้

Trial of Grievance

รูปเสีย
เมื่อนักรบสองคนต่างมีข้อขัดข้องใจ ที่ไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ง่ายๆ จนต้องยื่นเรื่องเข้าสู่สภาสูง หรือประกาศประลองกันเพื่อหาข้อยุติ

การประลองจะต้องมีผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเป็นผู้คุมกฎ และจะมีการกั้นเขตประลองเสมอ โดยไม่จำกัดรูปแบบของการประลอง (ตั้งแต่มือเปล่า ไปจนถึงขับเครื่องบิน หรือยานอวกาศ)

Trial of Position

ปรกติจะใช้ทดสอบกับทหารฝึกหัดว่ามีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นนักรบเต็มตัวหรือยัง หรือใช้ทดสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งของนักรบต่างๆ การทดสอบทหารฝึกหัดเพื่อเลื่อนเป็นนักรบตัวจริง ทหารฝึกหัดแต่ละคน จะต้องเผชิญกับนักรบที่มีประสบการณ์แล้ว 3 คนด้วยกัน โดยแต่ละคนจะผลัดกันเข้ามาสู้ด้วย นอกจากว่าผู้เข้ารับการทดสอบจะเข้าทำร้ายนักรบคนที่ไม่ได้รับสั่งให้สู้ หรือคนที่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ (เป็นคู่ต่อสู้ของทหารฝึกหัดคนอื่น) เงื่อนไขการผ่านทดสอบคือ ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้อย่างน้อย 1 คน ถ้าชนะได้ 2 คนก็จะได้ตำแหน่ง Star Commander ทันที แต่ถ้าชนะได้หมด 3 คน (ซึ่งหายากมาก) ก็จะมีสิทธิเข้ารับตำแหน่ง Star Captain

*ในประวัติศาสตร์มีคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ 4 คน (การทดสอบจะกระทำทีเดียวพร้อมกันหลายคน ดังนั้นทหารฝึกหัดสามารถที่จะจู่โจมคู่ต่อสู้ของคนอื่นได้) และได้รับตำแหน่ง Star Colonel ทันทีหลังจากจบการทดสอบ

Trial of Bloodright

รูปเสีย
ในสังคมของแคลนจะมี Bloodname ด้วยกันทั้งหมดราวๆ 760 ชื่อ โดยมีประเพณีอย่างหนึ่งว่า แต่ละ Bloodname จะมีนักรบที่ใช้ชื่ออยู่ได้เพียง 25 คนเท่านั้น (ยังมีชีวิตอยู่) และจะต้องมีบรรพบุรุษมาจากนักรบคนแรกที่เป็นเจ้าของ Bloodname เท่านั้น (จะนับจากสายเลือด หรือนับจากข้อมูลพันธุกรรมก็ได้) เมื่อนักรบที่ถือครอง Bloodname ตายไป ก็จะคัดเลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายมาทำการทดสอบ 31 คน ส่วนคนที่ 32 จะเปิดให้ใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติแต่ไม่ได้รับการเสนอชื่อ ให้มาประลองกันเอง ผู้ที่ชนะก็จะได้รับสิทธิคนที่ 32 ไป และ 32 คนที่เข้าสู่รอบสุดท้ายก็จะต้องมาต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งจนได้ผู้ชนะออกมา ด้วยข้อจำกัดจำนวนผู้ถือครอง Bloodname และการทดสอบที่ยาก Bloodname จึงเป็นสิ่งที่นักรบและผู้คนในสังคมของแคลนให้การยกย่องเป็นอย่างมาก และผู้ที่ได้รับ Blodname ยังจะมีสิทธิ์ในตำแหน่งทางการเมือง และยีนเขาจะมีโอกาสได้รับการบรรจุลงธนาคารยีน เพื่อเก็บเอาไว้ใช้สร้าง Sibko รุ่นถัดไปอีกด้วย

*แคลนแต่ละแคลนสามารถมี Bloodname ซ้ำกันได้ หากนักรบที่อยู่ในแคลนหนึ่งย้ายไปอีกอยู่อีกแคลนหนึ่ง ก็จะยังได้รับสิทธิให้ใช้ Bloodname ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเดิมอยู่ดี ถึงแม้ว่าชื่อ Bloodname ต้นกำเนิดจะมาจากอีกแคลนก็ตาม

**ภายหลังจากการยึดเพนตาก้อนกลับมา นิโคลัสได้ตัดสินใจที่จะให้ Bloodname ของเขากับ Clan Wolf ตามข้อตกลงที่จะมอบชื่อให้กับแคลนที่แสดงผลงานได้ดีที่สุด ทำให้ Jade Falcon ไม่พอใจอย่างมากเพราะ Jade Falcon เชื่อว่าตัวเองก็ไม่ได้แพ้ Wolf และความจงรักภักดีของ Jade Falcon ที่มีต่อเคอเรนสกี้ก็ไม่แพ้ใครด้วย

Trial of Possession

การทดสอบแบบที่สี่จะใช้ เมื่อแคลนสองแคลนต้องการแย่งชิงสิ่งเดียวกันไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรต่างๆ ไปจนถึงเขตแดน หรือแม้แต่ยีนของนักรบ

ขั้นตอนจะเริ่มจาก

  • ฝ่ายรุกประกาศท้าดวลฝ่ายรับอย่างเป็นทางการ
  • ฝ่ายรุกประกาศชื่อ สังกัด กองทัพ ของฝ่ายตัวเอง และ เป้าหมายที่ต้องการแย่งชิง จากนั้นถามฝ่ายรับถึงกองทัพที่พวกเขาจะใช้
  • ฝ่ายรับประกาศกองทัพที่จะใช้ในการปกป้องเป้าหมาย และสามารถเลือกสถานที่ในการดวลได้หากต้องการ
  • ฝ่ายรับสามารถเพิ่มเดิมพันได้โดยการประกาศความต้องการ ที่มีมูลค่าเท่ากันหรือน้อยกว่าหากเป็นฝ่ายชนะ
  • จากนั้นฝ่ายรุกจะสามารถประมูลกันภายในอีกทีได้ ผู้ที่เสนอจำนวนกองทัพที่น้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล และได้รับเกียรติ์ให้เป็นผู้นำทัพออกไปทำศึกตามจำนวนที่ประมูลเอาไว้

*ในสงคราม Clan Invasion ทุกครั้งที่แคลนทำการบุกดวงดาวต่างๆ ผู้นำทัพเหล่านั้นจะออกมาประกาศท้าดวลกับฝ่าย InnerSphere ในลักษณะเดียวกันกับ Trial of Possession

Trial of Refusal

การลงมติต่างๆ ของสภาแคลน ผู้ที่แพ้โหวตจะสามารถประกาศท้าดวลและกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ตามเงื่อนไขของ Trial of Refusal โดยฝ่ายที่แพ้โหวตจะเริ่มจากการประกาศกองทัพที่พวกเขาจะใช้ก่อน จากนั้นฝ่ายที่ชนะจะสามารถใช้กองทัพในอัตราส่วนที่เท่ากับผลโหวตได้ เช่น ผลโหวตแพ้ชนะอยู่ที่ 3 ต่อ 1 หากฝ่ายแพ้เลือกที่จะใช้ 1 Star (5 Mech) ฝ่ายชนะก็มีสิทธิ์ที่จะใช้กองทัพได้ถึง 3 Star (15 Mech) ในการท้าดวลกัน

Trial of Refusal ยังมีอีกรูปแบบที่เรียกว่า Trial of Absorption ที่สภาสูงสามารถโหวตให้แคลนหนึ่งแคลนสามารถกลืนอีกแคลนเข้ามา แต่ต้องเป็นการโหวตแบบเอกฉันท์เท่านั้น (ไม่นับแคลนที่จะถูกกลืน) จากนั้นจึงตัดสินว่าแคลนไหนจะได้รับประโยชน์จากการกลืน ซึ่งโดยปรกติแคลนที่จะเป็นฝ่ายถูกกลืนก็จะประกาศ Trial of Refusal หรือฝ่ายที่จะเป็นฝ่ายกลืนก็อาจจะโดนประกาศ Trial of Refusal จากแคลนอื่นๆ ก็ได้ เช่น Wolf เป็นฝ่ายได้รับสิทธิ์ที่จะกลืนแคลน Widowmaker ในปี 2825 แต่กว่าจะได้สิทธิ์จริงๆ ก็ต้องเอาชนะแคลนอื่นๆ อีก 3 แคลนด้วยกัน

Trial of Annihilation

รูปเสีย
ถือเป็นบทลงโทษสูงสุดที่แคลนสามารถประกาศได้ โดยปรกติมักจะการันตีถึงความตายของฝ่ายตรงข้ามรวมถึงลบล้าง gene ของคนที่ต้องโทษทิ้งออกจาก Gene pool ที่จะใช้สร้างนักรบรุ่นถัดไป บทลงโทษนี้จะสามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อได้รับการโหวตแบบเป็นเอกฉันท์จากสภา และผู้ได้รับโทษจะต้องกระทำความผิดอันชั่วร้ายต่อสังคมเท่านั้น

รูปเสีย

ในประวัติศาสตร์มีเพียง Clan Wolverine เท่านั้นที่ได้รับบทลงโทษ Trial of Annihilation ในระดับทั้งแคลน เนื่องจากผู้นำแคลน Wolverine ในขณะนั้นมีความคิดที่ขัดแย้งกับสังคมของแคลนทั้งหมด ประกาศตัวเป็นอิสระ และจะไม่ทำตามกฎของแคลนอีกต่อไป นิโคลัสได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะใช้ Trial of Annihilation กับแคลน Wolverine ทั้งแคลน เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูไปในตัวด้วย ผู้ที่เข้าประมูลการทำสงครามกับ Wolverine คือ Wolf กับ Widowmaker โดยถึงแม้ Wolf จะเป็นฝ่ายชนะประมูล แต่ก็โดน Widowmaker กดจำนวนทหารจากการประมูลจนน้อยมาก ทำให้ทั้งสองแคลนมีความบาดหมางกัน (Wolf มีความต้องการที่จะลบล้าง Wolverine อย่างชัดเจนในขณะนั้น)

รูปเสีย

ในเวลาต่อมาเมื่อเกิดข้อพิพาทวรรณะในแคลน Widowmaker พวกเขาได้ทำการสังหารหมู่พ่อค้าของพวกเขาเองแล้วกล่าวหาว่า Wolf เป็นผู้จุดชนวนให้เกิดความไม่สงบ แน่นอนว่า Khan Jerome จาก Wolf ต้องปฎิเสธต่อข้อกล่าวหา และยื่นเรื่องเข้าสภาสูงต่อข้อสงสัยถึงความเหมาสมในการปกครองประชาชนของ Widowmaker ซึ่งสภาสูงเห็นด้วยที่จะระงับสิทธิในการปกครองของ Widowmaker และให้สิทธิกับ Wolf ในการดูดกลืน Widowmaker เข้ามา ซึ่ง Widowmaker จึงต้องใช้สิทธิประกาศ Trial of Refusal เพื่อปกป้องตนเอง

การต่อสู้เกิดขึ้นบนดาว Ironhold (ซึ่งมีเมืองหลวงของ Jade Falcon ตั้งอยู่) โดยมีสภาสูงเป็นพยาน ฝ่ายบุกคือ Wolf กับ 11 Star (55 Mech) ส่วนฝ่ายรับคือ Widowmaker กับ 10 Star (50 Mech) การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและเมื่อทหารล้มตายไปจำนวนมากจนในที่สุดข่านของทั้งสองแคลนต้องออกมาประกาศ Trial of Grievance เพื่อประลองกันตัวๆ แต่เมื่อ Khan Jerome กำลังจะเป็นฝ่ายได้ชัย ก็มีเม็ค 5 ตัว(1Star) ของฝ่าย Widowmaker ออกมาขัดขวางการประลอง ทำให้ นิโคลัส กับ สภาสูงคนอื่นๆ ต้องออกมาขัดขวางการรบกวน เพราะถือเป็นการกระทำที่ไร้เกียรติ์มาก แต่โชคไม่ดีที่หุ่นที่ นิโคลัส ขับอยู่โดน Large Laser ของ Khan Cal Jorgenssion จากแคลน Widowmaker ยิงในระยะเผาขนเข้าห้องนักบินพอดี

การประลองหยุดชะงักลง ทุกอย่างเริ่มโกลาหล ทหารช่างและแพทย์สนามรีบทำการเข้าช่วยเหลือนิโคลัสเป็นการด่วน แต่กว่าจะนำร่างของนิโคลัสออกมาจากห้องนักบินส่งถึงมือแพทย์ได้ก็เสียชีวิตไปแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แคลน Wolf โกรธแค้นเป็นไฟและเข้าจู่โจม Widowmaker อย่างเต็มกำลัง เพียงแค่ 3 วันนักรบของ Widowmaker ทุกคนก็ถูกสังหารจนสิ้น ในที่สุดสภาสูงก็อนุมัติให้ Wolf มีสิทธิในทรัพยากรทุกอย่างของ Widowmaker เป็นอันสิ้นสุดการกลืนแคลน

การตายของ ilKhan Nicholas Kerensky ตามด้วย Jerome Winson ที่ได้รับเลือกให้มาเป็น ilKhan แทนทำให้เป็นเครื่องหมายของยุคถัดไปที่แคลนกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค Golden Age ที่ไม่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้นำแล้ว และจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ และเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่วน Nicholas Kerensky ก็ได้รับการยกย่องให้มีสถานะเทียบเคียงกับกึ่งพระเจ้าเช่นเดียวกับบิดาของเขา

รูปเสีย
แผนที่ตำแหน่งที่ตั้งของ Clan (กดที่รูปเพื่อดูภาพใหญ่)
—————
ก็ต้องขอจบไว้ที่ตรงนี้ก่อนครับ ทีแรกว่าจะต่อให้จบ Clan Invasion (ปี 3052) แต่ดูจากปริมาณเนื้อหาแล้วไม่จบแน่ๆ ดังนั้นการสู้รบกันระหว่าง Clan กับ InnerSphere ก็ขอยกยอดเป็นคราวหน้าละกันครับ

————–

โพสท์ครั้งแรกที่ http://www.pocketonline.net/ วันที่ 5 ต.ค. 55

Leave a Reply