BattleTech/MechWarrior ภาคการรุกรานของแคลน (Clan Invasion)

สวัสดีครับ รอบนี้ก็จะมาต่อจากของเดิมจนจบศึก Clan Invasion นะครับ ทีแรกอยากจะลงรายละเอียดมากกว่านี้ แต่ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกเริ่มเยอะ ดังนั้นช่วงปลายๆ อาจจะดูรวบรัดไปบ้าง

บทความนี้เรียบเรียงจากหนังสือที่เขียนในมุมมองของแคลนเป็นหลัก เนื้อหาหลายๆ อย่างจากฝั่ง InnerSphere จึงจะไม่ได้พูดถึงเยอะเท่าไหร

ปล. Mech Warrior Online กำลังจะ Open Beta เร็วๆ นี้แล้วนะครับ อย่างช้าก็คิดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า แต่ถ้าตามกำหนดการเดิมพุธที่จะถึงนี้ก็น่าจะ Open Beta แล้ว

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

อเล็กซานเดอร์ เคเรนสกี้ ได้พาผู้ที่ศรัทธาในตัวเขาออกเดินทางไปในอวกาศอันไกลพ้น เพื่อตั้งถิ่นฐานใหม่ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี้ยงความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ไปได้ ทายาทของ อเล็กซานเดอร์ นิโคลัส เคเรนสกี้ เป็นผู้ที่สามารถปราบความขัดแย้งเหล่านี้ลงได้ ด้วยการสร้างระบบการปกครองในรูปแบบของตัวเอง ด้วยการแบ่งจำนวนผู้คนที่หลงเหลือออกเป็นยี่สิบกลุ่มในนามว่าแคลน เมื่อนิโคลัสตายลง แคลนที่เขาสร้างขึ้นมา ก็ก้าวเข้าสู่ยุคทองอันเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด

ตรงกันข้ามกับ Inner Sphere ที่สู้รบกันเองจนทำให้เทคโนโลยีหลายๆ อย่างสูญหายไป แคลนได้คิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมามากมายในช่วงยุคทอง ในจำนวนนั้นมีอยู่สองสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสมรภูมิของ BattleTech ไปตลอดกาล นั่นคือชุดเกราะ power armor ที่เรียกกันว่า Elemental ที่สามารถทำการสู้รบได้ในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเป็น ไฟ แผ่นดิน ใต้น้ำ หรือแม้แต่อวกาศ และ Omni Mech ที่ทหารช่างในสนามรบสามารถถอดประกอบอาวุธได้ด้วยตัวเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ประสิทธิภาพในการสู้รบของ Omni Mech มีความยืดหยุ่นสูงมาก เมื่อเทียบกับ Mech รุ่นดั้งเดิมที่อาวุธต่างๆ ถูกติดตายมากับตัวหุ่นทำให้การปรับแต่งจะต้องทำในโรงงานเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่มากกว่าเช่นเดียวกัน

นักรบหุ้มเกราะ Elemental
นักรบหุ้มเกราะ Elemental

 

Omni Mech
Omni Mech

The Warden & The Crusader

ช่วงปี 2984 สภาสูงตัดสินใจตั้งหน่วยข่าวกรองเพื่อรวมรวมข้อมูลของ InnerSphere ในขณะนั้น หน่วยข่าวกรองออกเดินทางตามแถวชายแดนของ InnerSphere ที่เรียกกันว่า แดนเส้นรอบวง (Periphery) ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจการปกครองของ InnerSphere โดยข้อมูลข่าวสารที่ได้จากการค้าขายหรือลอบเข้าจารกรรมข้อมูลต่างๆ จะถูกส่งกลับให้สภาสูง

จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ทำให้แคลนทราบว่า InnerSphere กำลังทำสงครามผู้สืบทอด (Succession War) กันตรงตามที่อเล็กซานเดอร์เคเรนสกี้ได้ทำนายไว้

แต่พวกเขาเข้าใจผิดไปมากที่ไปเชื่อว่าเทคโนโลยีที่พวกเขาเห็นในแดนเส้นรอบวงแสดงถึงระดับความสามารถของ InnerSphere ในขณะนั้น ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วแดนเส้นรอบวงล้าหลังและป่าเถื่อนกว่ามาก นั่นเลยทำให้สภาสูงคิดว่ากองกำลังทางทหารของ InnerSphere ไม่อยู่ในระดับที่เป็นภัย

ถึงตอนนี้ความคิดของแคลนก็แตกแยกเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Crusader Clan พวกเขาคิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะกลับไปยัง InnerSphere เพื่อก่อตั้ง Star League ใหม่ตามสิ่งที่เคเรนสกี้เคยลั่นวาจาไว้

อีกกลุ่มคือ Warden Clan พวกเขาไม่คิดว่านั่นเป็นคำสั่งของเคเรนสกี้ที่ฝากฝังไว้กับกลุ่มคนรุ่นหลัง แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความกล้าที่จะให้แคลนมีสังคมและวัฒนธรรมของแคลนจริงๆ แยกออกมาจาก InnerSphere ที่ปนเปื้อนจากบาปต่างๆ ที่ก่อขึ้น แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับ InnerSphere พวก Warden เหล่านี้ก็พร้อมที่จะเข้าปกป้องให้รอดพ้นจากภัยภายนอกทันที

ไม่มีการบันทึกชัดเจนว่าภัยภายนอกหมายถึงอะไร บางคนก็คาดเดาว่าอาจจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอื่นๆ ที่มนุษย์ยังไม่รู้จัก ในขณะที่บางคนคิดว่าเป็นไปได้ที่จะมีมนุษย์ไปตั้งสังคมใหม่ในดินแดนที่ห่างไกลเหมือนอย่างแคลน

Smoke Jaguar เป็นฝ่ายที่ถือข้าง Crusader Clan อย่างชัดเจน ในขณะที่ Wolf เลือกที่จะอยู่ข้าง Warden Clan

ส่วน Jade Falcon ที่เป็นอริตลอดกาลกับ Wolf ตั้งแต่สมัยทำสงครามยึด Pentagon กลับคืนมา แค่เพียง Wolf เลือกที่จะปกป้อง InnerSphere ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะสนับสนุน Smoke Jaguar และเลือกอยู่ข้าง Crusader Clan แล้ว

ถึงแม้ว่า Wolf จะเป็น Warden Clan แต่ข้างใน Wolf เองก็มีเสียงส่วนหนึ่งที่สนับสนุนแนวคิดของ Crusader Clan เช่นเดียวกัน ทำให้ Wolf ไม่สามารถที่จะถ่วงเวลาไม่ให้ Crusader Clan ทำสงครามกับ InnerSphere ได้ตลอดกาล

ช่วงปี 3000 ข่านเคอลิน วาร์ด (Kerlin Ward) จาก Clan Wolf จึงเสนอให้ส่งกองทหารจำนวนหนึ่งลอบเข้าไปใน InnerSphere ในรูปแบบของกองทหารรับจ้าง โดยอ้างว่าเพื่อรวบรวมข้อมูลจากนครรัฐทั้ง 5 แต่จุดประสงค์จริงๆ ก็เพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ Crusader Clan ทำสงครามกับ InnerSphere ซึ่งแผนนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจาก Ghost Bear ที่เห็นด้วยว่า ณ ขณะนี้แคลนมีความรู้เกี่ยวกับภายใน InnerSphere น้อยมาก ถึงแม้ว่า Ghost Bear จะเป็น Crusader Clan ก็ตาม

Wolf’s Dragoons

FileWdragoons
เมื่อแผนการมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย สภาสูงจึงลงมติที่จะดำเนินแผนการนี้โดยให้ Wolf เป็นผู้จัดตั้งกองกำลัง Wolf จึงเลือกเอาคนที่เป็น freebirth และทหารระดับล่าง มาฝึกฝนเกิดเป็น Wolf’s Dragoons ภายใต้การบังคับบัญชาของไจมี่ วูลฟ์ (Jaime Wolf) และโจชัวร์ วูลฟ์ (Joshua Wolf) กับเหล่า freebirth รวมถึงนาตาช่า เคเรนสกี้ (Natasha Kerensky) ซึ่งเป็น Bloodname เพียงคนเดียวที่เดินทางไปด้วย แต่การที่หน่วยสอดแนมประกอบไปด้วยชนชั้นล่างเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดข้อกังขาในสายตาของข่านคนอื่นๆ ถึงความจงรักภักดีของเขา ที่เห็นว่าหน่วยทหารเหลือเดนพวกนี้สามารถทรยศไปเข้าฝ่าย InnerSphere ได้ทุกเมื่อ

Jaime Wolf
Jaime Wolf
Joshua Wolf
Joshua Wolf
Natasha Kerensky
Natasha Kerensky

*ปรกติคนที่ยังไม่ได้รับ Bloodname จะใช้ชื่อแคลนเป็นนามสกุลแทน

พวกแคลนระมัดระวังมากที่จะไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงของ Wolf Dragoon ถูกเปิดเผย ดังนั้นอาวุธที่พวกเขาได้รับมอบจึงเป็นอาวุธเก่าที่ตกทอดมากันตั้งแต่ยุคก่อนอพยพ รวมถึงการฝึกฝนกองทหารในแบบเก่าจากยุค Star League เพื่อจะให้ Wolf Dragoon กลมกลืนไปกับ InnerSphere มากที่สุด

Wolf’s Dragoons เดินทางไปถึง InnerSphere ในปี 3004 และเริ่มทำสัญญากับตระกูลต่างๆ เริ่มจาก ตระกูลเดเวี่ยนในปี 3005 ถึง 3009 เมื่อสิ้นสุดสัญญาพวกเขาก็เดินทางกลับแคลนเพื่อเติมเสบียงและนำเสนอรายงานต่างๆ รายงานที่สภาได้รับจากดรากูนนั้นขัดแย้งกับสิ่งที่สภาเคยเชื่อมาก่อนหน้านี้มาก ทำให้สภาสูงตัดสินใจที่จะให้ดรากูนกลับไป InnerSphere เพื่อหาข่าวสารเพิ่ม

จนถึงช่วงท้ายของ Succession War ครั้งที่สาม ดรากูนที่สูญเสียโจชัวร์ไปในสงครามการเมืองของตระกูลมาริค ได้กลับไปถึงแคลน ข่านเคอลินได้แนะนำให้ไจมี่และนาตาช่ารู้จักกับอุลริก เคเรนสกี้ (Ulric Kerensky) ผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งข่าน และทั้งคู่ได้รับคำสั่งสุดท้าย ข่านเคอลินได้ออกคำสั่งลับให้ Wolf Dragoon สาบานว่าจะไม่รับคำสั่งของข่านคนอื่นๆ นอกจากตัวเขา เขายังได้สั่งให้ดรากูนหยุดส่งรายงานทั้งหมดกลับมาหาแคลน และมอบแบบแปลนเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งหมดที่ Wolf มีในขณะนั้น จากการคาดการณ์ว่าเขาจะไม่สามารถหยุดยั้งการบุกรุกของแคลนสู่ InnerSphere ได้อีกต่อไป ทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมให้ Wolf’s Dragoons สามารถสนับสนุน InnerSphere ได้เมื่อถึงเวลา

Khan Ulric Kerensky
Khan Ulric Kerensky

ถึงตอนนี้หลายๆ ฝ่ายในแคลนเริ่มเชื่อแล้วว่าดรากูนทรยศไปเข้ากับ InnerSphere เพราะข่าวสารหยุดส่งกลับมาหาแคลน แต่สภาสูงไม่ได้เตรียมแผนรองรับไว้ล่วงหน้า ก็เลยไม่ได้ทำอะไรกับดรากูนในตอนนี้

จนปี 3029 เมื่อข่าวลือสหพันธ์แห่งอาทิตย์กับเครือจักรภพลิแลนจับมือกันเป็นพันธมิตร ฝ่าย Crusader เสนอว่าหากข่าวนี้เป็นจริงจะเป็นอุปสรรค์สำคัญในการฟื้น Star League ใหม่ในวิสัยทัศน์ของแคลน แต่ Ulric Kerensky ที่ตอนนี้สืบทอดตำแหน่งข่าแล้ว ได้ถ่วงเวลานานพอที่จะทำให้ข่าวศึก Succession War ครั้งที่ 4 มาถึงแคลนและเสนอให้รอจนกว่าศึก Succession War ครั้งที่ 4 จบลงจึงค่อยหารือกันใหม่

การตัดสินใจครั้งสุดท้าย

จุดเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดจากยานสำรวจของหน่วย ROM จากฝ่าย ComStar บังเอิญวาร์ปไปโผล่ใกล้ๆ ดาว Huntress ที่เป็นดาวของ Smoke Jaguar พอดี ด้วยความกลัวที่ InnerSphere จะล่วงรู้ถึงตัวตนของแคลนข่านเลโอ โชเวอร์ (Leo Showers) แห่ง Smoke Jaguar จึงสั่งให้จับกุมยานสำรวจเพื่อนำมาสอบปากคำ นั่นทำให้แคลนรู้ถึงตัวตนที่อยู่ในมุมืดของ InnerSphere มาโดยตลอดในชื่อ ComStar

Khan Leo Showers
Khan Leo Showers

ComStar

ComStar
พอ Star League ล่มสลายลง เจโร่เม่ เบล็ก (Jerome Blake) ที่เป็นช่างเทคนิคสถานี HGP (Hyper Pulse Genrator สถานีสื่อสารข้ามดวงดาว) ภายใต้การดูแลของอเล็กซานเดอร์ เคเรนสกี้ ก็สัมผัสได้ถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่สองประการที่เขาจะต้องรีบดำเนินการ หนึ่งคือการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีของ Star League สูญหายไปจากสงคราม สองคือป้องกันไม่ให้สถานี HPG หรือเครือข่ายการสื่อสารข้ามดวงดาวถูกทำลาย หรือโดนเอาไปใช้ในทางที่ผิดจาก 5 ตระกลูใหญ่

เบล็กจึงได้รวบรวมกำลังพลเป็นจำนวนหลายกรมทหารแล้วทำการเข้ายึด Terra ภายใต้ปฎิบัติการสายฟ้าในปี 2788 แล้วประกาศให้ระบบสุริยะเป็นกลาง โดยยื่นข้อเสนอว่าจะมอบระบบการสื่อสารข้ามดวงดาวที่ปลอดภัยให้กับทุกคน ที่ยอมรับสถานะภาพเป็นกลางขององค์กร บุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลอุปกรณ์ และ สถานี HyperPulseGenerator (HPG) ในทุกๆ ดวงดาว ผู้นำนครรัฐต่างเข้าใจทันทีว่าระบบสื่อสารที่ใช้งานได้เป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดและยอมรับต่อข้อเสนอของเบล็ก อันเป็นจุดเริ่มต้นของ ComStar

เบล็กจัดตั้งหน่วย First Circuit ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลกิจการของ ComStar และส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนยึดถือการเป็นภาดรลับ เพื่อปกป้องความลับขององค์กรและเทคโนโลยีของ Star League ให้ปลอดภัย แต่พอเบล็กตายไป ผู้นำคนใหม่ที่มาแทนที่ ก็เปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรให้กลายเป็นลำดับชั้นทางศาสนาที่เข้มงวด และปิดบังกิจกรรมต่างๆ ให้ดูเป็นพิธีกรรมที่ลึกลับ และเรียกผู้นำตำแหน่งสูงสุดว่าพรีมัส (Primus)

Khan Elias Crichell
Khan Elias Crichell

ข่านเลโอ และ ข่านเอเรียส คริเชล (Elias Crichell) แห่ง Jade Falcon ใช้ข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำไปใช้ประโยชน์ในการประชุมสภาสูง และกล่อมให้แคลนคิดว่าพวก ComStar อาจจะรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของแคลนในไม่ช้า นั่นหมายความว่าจะเป็นการเปิดเผยถึงตัวตนของ Clan ให้กับ InnerSphere ทั้งหมดได้รับรู้ด้วย รวมถึงพันธมิตรระหว่างตระกูลเดเวี่ยนกับตระกูลสไตเนอร์ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแสนยานุภาพทางทหารสูงแค่ไหน และการค้นพบวิจัยเทคโนโลยีที่สูญหายไปขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ ใน InnerSphere

ทั้งความกลัวว่า InnerSphere จะมีพละกำลังเหนือแคลน กลัวว่า InnerSphere จะรวมตัวกันเป็น StarLeague ใหม่ได้โดยไม่มีแคลน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Crusader Clan ยอมรับไม่ได้ กลัวว่าบ้านเกิดของแคลนจะถูกรุกราน ในที่สุดแม้แต่ Warden Clan ก็โหวตที่จะรุกราน InnerSphere โดยมีเพียงข่านอุลริกเท่านั้นที่ยังคงเลือกปกป้อง InnerSphere ด้วยผลโหวต 16 ต่อ 1 ข่านอุลริก ตัดสินใจใช้สิทธิ Trial of Refusal ด้วยกองกำลังหนึ่งคลัสเตอร์ ส่วนผลจากการประมูลทำให้อัตราส่วนเหลือเพียงสี่ต่อหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว Wolf ก็เป็นฝ่ายปราชัยไปด้วยกองทัพที่น้อยกว่า

หลังจบศึก Trial of Refusal ข่านเลโอแห่ง Smoke Jaguar ได้รับเลือกให้เป็นอิลข่าน เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำการรุกราน InnerSphere บทบาทแรกที่อิลข่านเลโอ ได้ลงมือก็คือการออกคำสั่งให้ Wolf’s Dragoon กลับมายังแคลนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า Wolf’s Dragoon มีใจออกห่างจากแคลน เป็นไปตามที่อิลข่านเลโอคาดไว้ ดรากูนไม่ตอบรับคำสั่ง ยกเว้นเพียงนาตาช่า เคเรนสกี้ซึ่งเป็น Bloodname เพียงคนเดียวในกลุ่ม Wolf’s Dragoon เท่านั้นที่กลับมา และนั้นก็ทำให้อิลข่านเลโอเริ่มไม่วางใจ Wolf แล้ว

Clan Invasion – Operation Revival

ข่านเอเรียสกลายเป็นที่ปรึกษาที่อิลข่านให้ความไว้วางใจมากที่สุด เพราะทั้งคู่ต่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ทั้งคู่ช่วยกันร่างแผน Operation Revival (หรือที่ InnerSphere รู้จักกันในชื่อ Clan Invasion) ที่จะเป็นแม่แบบในการรุกราน InnerSphere เนื้อหาของแผนการนั้นไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ค่อยๆ ไล่ยึดดวงดาวไปทีละดวงโดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการยึด Terra แผนการที่ดูเรียบง่ายแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของแคลนที่ดูถูกต่อพละกำลังของ InnerSphere โดยไม่คิดว่าจะมีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการรุกรานได้

ข่านเอเรียสเสนอในสภาศึก (Grand Kurultai) ว่าแคลนที่ไปถึง Terra ได้ก่อนจะได้รับการขนานนามว่าอิลแคลน (ilClan) กลายเป็นแคลนเหนือแคลนทั้งปวง และข่านจากแคลนนั้นจะได้รับตำแหน่งอิลข่านอย่างถาวร ทำให้แผนการได้รับเสียงสนับสนุนจากแคลนอื่นๆ อย่างท้วมท้น สภาศึกตัดสินใจที่จะให้มีแคลนสี่แคลนที่ทำหน้าที่จู่โจม และแคลนที่ห้าเป็นแคลนสำรองที่แคลนอื่นๆ สามารถขอความช่วยเหลือได้หากต้องการ ในความเป็นจริงครูเซเดอร์หลายคนต่างคิดว่าห้าแคลนนั้นมันมากเกินไป พวกInnerSphere คงจะไม่มีพละกำลังพอที่จะต่อต้านแคลนได้ถึงสองแคลเป็นอย่างมาก

แผนการถูกกำหนดคร่าวๆ ให้แคลนสี่แคลนบุกทะลวงจากตอนบนสุดของ InnerSphere ไปสู่ Terra พร้อมๆ กันเป็น 4 เส้นทาง เส้นซ้ายสุดทะลวงสู่เครือจักรภพลิแลน เส้นขวาสุดปะทะกับดราโกนิสคอมไบน์ และตรงกลางสองเส้นสู่ สาธารณะรัฐอิสระราสอัลฮาจ

สาเหตแรกที่เลือกเส้นทางนี้ หนึ่งเพราะมันเป็นเส้นทางที่ใกล้กับบ้านเกิดแคลนที่สุด สอง สาธารณะรัฐอิสระราสอัลฮาจ เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่นานทำให้พละกำลังทางทหารมีน้อยกว่านครรัฐอื่นๆ และ สาม ราสอัลฮาจตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเครือจักรพบลิแลนและดราโกนิสคอมไบน์ที่เป็นอริกัน ด้วยสถานภาพทางการเมืองที่เปราะบางจึงคาดการณ์ว่าความช่วยเหลือจากนครรัฐทั้งสองที่จะยื่นให้ราสอัลฮาจจะมีน้อยมาก

Wolf ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในสี่แคลน เพื่อเป็นการลงโทษที่ต่อต้านต่อ Crusader ซึ่งข่านอุลริก ก็ยอมรับแต่โดยดี ส่วนแคลนทุกแคลนที่เหลือต่างเข้าร่วมประลองเพื่อหาผู้ชนะที่จะได้รับเกียรติ์ร่วมบุก InnerSphere ด้วย เพื่อเป็นการจำกัดไม่ให้สูญเสียกำลังพลเกินความจำเป็นก่อนออกสู้จริง จึงมีข้อกำหนดให้แต่ละแคลนส่งนักรบเข้าประลองได้เพียง 1 ทรินารี่เท่านั้น (1 Trinary เทียบเท่า 15 BattleMech)

ผลออกมาไม่เป็นที่น่าแปลกใจนักเมื่อ Smoke Jaguar และ Jade Falcon ต่างได้รับชัยชนะ ตามมาด้วย Ghost Bear ซึ่งเป็น Crusader Clan ที่เก่งกาจอีกแคลนหนึ่ง ส่วน Steel Viper ได้รับสิทธิแคลนสำรองไป

การประลองรอบที่สองเพื่อหาแคลนที่จะรับหน้าที่บุกเส้นทางซ้ายสุดกับขวาสุด ในสายตาของแคลน แคลนที่ได้รับมอบหมายให้บุกในสองเส้นทางนี้จะถือว่ามีเกียรติ์กว่าเส้นทางอื่นๆ เพราะต้องเป็นหน้าด่านรับศึกกับศัตรูเพื่อปกป้องเส้นทางด้านในอีกสองเส้นไปในตัว

แต่อิลข่านเลโอสั่งให้ Wolf รับเส้นทางซ้ายด้านใน ไปโดยไม่มีสิทธิเลือกเส้นทางอื่น เพื่อเป็นการหักหน้า Wolf ที่เป็น Warden Clan และต่อต้านการรุกรานอยู่แคลนเดียว อิลข่านเลโอยังตัดสินใจที่จะเลือกบังคับบัญชาการบนเรือธงของ Wolf มากกว่ายานแม่ของฝ่ายตัวเอง เป็นการบอกเป็นนัยๆ ให้รู้ว่า Wolf ถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา

เมื่อสิ้นสุดการประลองรอบสอง Jade Falcon ได้เส้นทางซ้ายสุด Smoke Jaguar เลือกเส้นทางขวาสุด ส่วน Ghost Bear ที่เป็นฝ่ายแพ้ไปจึงต้องเลือกเส้นทางขวาด้านในที่ยังเหลืออยู่

ในการประชุมแผนการขั้นสุดท้าย เหล่าผู้บัญชาการจากทั้งสี่แคลนตัดสินใจที่จะแบ่งการโจมตีเป็นสิบห้าระลอก แต่ละระลอกยาวสองเดือน และตามด้วยอีกสองสัปดาห์สำหรับพักและเติมเสบียง เมื่้อสิ้นสุดระลอกที่สิบห้า กองทัพของแคลนควรจะยืนอยู่บน Terra เป็นที่เรียบร้อย

อุ่นเครื่อง ณ เขตแดนเส้นรอบวง

dropship_fighter_screen_by_flyingdebris-d2ysczo

Drop Ship ของแคลนกำลังบินฝ่าซากกองยานของโจรสลัด พร้อมกับฝูงบินคุ้มกัน ณ เขตแดนเส้นรอบวง

ปฏิบัติการเริ่มจากการยึดดวงดาวในแดนเส้นรอบวง เพื่อสร้างเป็นฐานตั้งมั่นของแคลนก่อนจะทำการบุก InnerSphere ต่อไป การต่อสู้ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างราบลื่น แต่มีบางครั้งที่นักรบของแคลนต้องมึนงง เมื่อเจอกับการต่อสู้ของสลัดอวกาศ นักรบของแคลนยึดถือในเกียรติ์และศักดิ์ศรีมาก เมื่อเทียบกับโจรสลัดเหล่านี้ ที่จะใช้แผนการทุกวิถีเพื่อเอาชนะ

Kell Hounds
Kell Hounds

ในระหว่างที่ Wolf ทำการไล่ต้อนโจรกบฏบนดาว The Rock เพื่อยึดครอง Wolf ได้เผชิญหน้ากับหน่วยทหารรับจ้าง Kell Hounds ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับ Wolf อยู่ไม่น้อย เมื่ออาวุธยูโธปกรณ์ของพวก Hounds ดูจะใหม่กว่าของพวกโจรกบฏที่พวก Wolf เพิ่งปราบไป และยังมี BattleMech บางรุ่นที่แคลนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สุดท้ายแล้วแคลนก็ตัดสินใจใช้วิธีแก้ปัญหาแบบบ้านๆ ของแคลน “ด้วยกำลัง” ข่านอุลริกสั่งให้เปิดฉากการจู่โจมใส่กองกำลังที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อน ข่านอุลริกคาดการณ์ไว้ถูกต้อง กองทหารรับจ้าง Kell Hounds พวกนี้มีประสบการณ์และความสามารถสูงที่สุดนับแต่ Wolf ได้ย่างกรายสู่แดนเส้นรอบวง

ด้าน Hounds เองก็คิดว่าพวกแคลนเป็นพวกโจรกบฏที่พวกเขาได้รับว่าจ้างให้มาปราบ ไม่นานนัก กองพันที่สาม ที่เหลืออยู่ของ Kell Hounds ก็ตามมาสมทบ แต่เมื่อกองทัพ Kell Hounds ต้องเจอกับ Omni Mech ของแคลนที่มีพิสัยการจู่โจมที่ไกลกว่า และหน่วย Elemental ที่รุมทึ้งในระยะประชิดสร้างความหวาดกลัวให้กับทหารของ Kell Hounds เป็นอย่างมาก ในที่สุด Hell Hounds ก็ตัดสินใจล่าถอย แต่ในที่สุดกองทัพของ Kell Hounds ก็ถูก Wolf ทำลายจนหมดสิ้น

Phelan Kell
Phelan Kell

ในซากของหุ่นที่ถูกทำลายไปเฟแลน เคล (Phelan Kell) รอดพ้นจากความตายมาได้และถูก Wolf จับเป็นเชลย ด้วยการที่เขาเป็นนักบินที่เต็มไปด้วยความสามารถ ข่านอุลริกจึงดึงตัวเขาเอามาช่วยในการวางแผนการรุกราน เฟแลน เคล ยินยอมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อให้ Wolf สามารถยึดครองดาวแต่ละดวงโดยสร้างความเสียหายให้หน่อยที่สุด และในเวลาต่อมาเขาจะกลายเป็นที่ปรึกษาที่อุลริกไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง

ระลอกที่หนึ่ง

Primus Myndo Waterly
Primus Myndo Waterly
Precenter Martial Anastasius Focht
Precenter Martial Anastasius Focht

ช่วงก่อนเริ่มแผนการระลอกที่หนึ่ง พรีมัส มินโด วอเตอรี่ (Primus Myndo Waterly) จาก ComStar พยายามที่จะหากองทัพปริศนามาตลอด จากข้อความสื่อสารที่ได้รับจากสถานี HPG บนดวงดาวรอบๆ เส้นเขตแดนรอบวง จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน 3049 พรีมัส วอเตอรี่ มอบหมายให้ พรีเซนเตอร์ มาเชียล อนาสตาเซียส ฟ็อก (Precenter Martial Anastasius Focht) เป็นทูตอย่างเป็นทางการ ฟ็อกเดินทางไปเขตแดนที่ถูกแคลนยึดครองและปรึกษาหารือกับอิลข่านเลโอ โดยมีข้อตกลงกันว่า ComStar จะตัดช่องทางการสื่อสารทางทหารจากดวงดาวที่ตกเป็นเป้าหมายในการรุกราน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแคลน และมอบข้อมูลพื้นฐานของกองทัพต่างๆ แลกกับการที่แคลนจะต้องไม่เข้าขัดขวางการดำเนินงานต่างๆ และยอมให้ ComStar เป็นผู้ดูแลดาวที่ถูกแคลนปกครอง โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการยื้อเวลาเพื่อหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของแคลน
tro3052

ด้วยความช่วยเหลือของ ComStar ทำให้ดวงดาวต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายของแคลนถูกเข้ายึดครองได้โดยง่ายดาย และมี ComStar เป็นผู้ช่วยกล่อมให้ทหารบนดวงดาวต่างๆ อยู่ในความสงบ

ระลอกที่สอง

tro_3058_by_flyingdebris-d3gc6vk
จากการประมาทในด้านเส้นทางการขนส่งเสบียง ยกเว้นเพียง Wolf เท่านั้นที่ให้ความสำคัญด้านโลจิสติกเป็นอันดับต้นๆ เมื่อสิ้นสุดระลองที่สอง ทั้งสามแคลนที่เหลือ ต่างเริ่มประสบปัญหาความล่าช้าของการรุกราน ถึงจะยังสามารถยึดเป้าหมายตามจำนวนที่วางแผนได้ทันเวลาก็ตาม แต่กว่าปัญหาด้านการขนส่งเสบียงจะได้รับการแก้ไข ก็เป็นเวลาอีกหลายเดือนหลังจากนี้

ระลอกที่สาม

ช่วงปลายพฤษภาคม Clan Wolf เปิดเผยแผนที่ปรับปรุงใหม่ ถึงตอนนี้ Wolf ไม่ได้คิดจะเป็นผู้ร่วมแผนการเฉยๆ แล้ว Wolf ต้องการที่จะเป็นผู้นำการรุกราน จำนวนดาวเป้าหมายมีมากเป็นสองเท่าจากตอนแรกที่วางแผนเอาไว้ นี่เป็นการโต้ตอบของ Wolf อย่างอ้อมๆ ในเมือไม่สามารถหยุดยั้งการรุกรานของ Clan ได้ Wolf ก็จะขอเป็นผู้นำในการรุกรานเสียเอง เพื่อให้ความเสียหายของดวงดาวต่างๆ มีน้อยที่สุด “วิธีการแก้แค้นพวกที่ยัดเยียดหน้าที่นี้ให้กับเรา คือการทำให้เหนือกว่าพวกมันซะ” ข่านอุลริกกล่าว

หนึ่งในจำนวนนั้นคือดาวราสอัลฮาจ ดาวแม่ของสาธารณรัฐอิสระราสอัลฮาจ Ghost Bear ที่มีสิทธิในการจะยึดราสอัลฮาจเหมือนกันจึงตัดสินใจที่จะประมูลแข่งกับ Wolf ถึงแม้ว่าที่สุดแล้ว Wolf จะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม แต่จากการประมูลทำให้กองทัพที่ Wolf จะนำไปใช้ยึดราสอัลฮาจมีน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเยอะมาก

แต่ในที่สุด Wolf ก็สามารถยึดราสอัลฮาจได้สำเร็จ สร้างความประหลาดใจให้กับแคลนอื่นๆ ที่คิดว่า Wolf จะต้องพ่ายแพ้ในศึกเป็นอย่างมาก

หากเป็นแบบนี้ต่อไป Wolf จะเป็นแคลนแรกที่ไปถึง Terra และจะกลายเป็น ilClan ไปในที่สุด

ระลอกที่สี่

อิลข่านเลโอที่เสียหน้าอย่างหนักให้กับ Wolf และเพิ่งพ่ายแพ้ในศึก Wolcott ให้กับดราโกนิสคอมไบน์ ทำให้ Smoke Jaguar ต้องรักษาสัญญากับคอมไบน์ ว่าจะไม่โจมตีดาว Wotcott อีกเป็นครั้งที่สอง ตัดสินใจที่จะเปิดประชุมสภาสงครามบนยาน Dire Wolf พร้อมกับข่านทั้ง 34 คนจากทั้ง 17 แคลนที่มาดูศึกในแนวหน้าด้วยตัวเอง ข่านอุลริกยินดีที่จะร่วมมือ ไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดจึงขอให้ข่านจากแต่ละแคลนนำกองกำลังเข้าร่วมประชุมให้น้อยที่สุด และขอให้จัดการประชุมเหนือดาว Radstadt ที่เพิ่งยึดได้ ซึ้งเป็นดาวที่อยู่ลึกที่สุดใน InnerSphere ณ ตอนนั้น

Direwolf2

ศึกเหนือดาว Radstadt (ภาพดิโอราม่าจาก http://bg.battletech.com/forums/index.php?topic=736.0)

วันที่ 31 ตุลาคม 3050 เจ้าชายราสอัลฮาจที่กำลังหลบหนีพร้อมกับฝูงบินคุ้มครอง มาถึง Radstadt ทั้งๆ ที่ไม่ทราบว่าถูก Wolf เข้ายึดครองไปแล้ว ทำให้ปะทะเข้ากับ Dire Wolf เข้าอย่างจัง โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ฝูงบินคุ้มครองนำโดย Tyra Miraborg เข้าโจมตี Dire Wolf ทันทีเพื่อถ่วงเวลาให้มากพอที่จะวาร์ปหนีได้ ทางด้าน Dire Wolf ที่ไม่ได้เตรียมการไว้ จึงไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างทันท่วงที เมื่อยาน Shilone ที่ Tyra บังคับอยู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก Tyra ตัดสินใจดับเครื่องชนเข้าสะพานเดินเรือของ Dire Wolf ส่งผลให้ร่างของอิลข่านเลโอหลุดออกนอกยานอวกาศเสียชีวิตทันที

death_of_ilkhan_leo

แคลนที่สูญเสียอิลข่าน ผู้นำในการรุกราน InnerSphere ไปจึงต้องตัดสินใจถอยกลับไปยังบ้านเกิดของแคลน Strana Mechty เพื่อเลือกผู้นำคนใหม่

หนึ่งปีแห่งความสงบ

warcounsil
ในช่วงนี้ ไจมี่ วูลฟ์ แห่ง Wolf’s Dragoons ได้จัดประชุมผู้นำนครรัฐทั้งหกและเปิดเผยว่าที่จริงแล้ว Wolf’s Dragoon เป็นนักรบจากแคลน และพวกเขาพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ InnerSphere เพื่อต่อกรกับพี่น้องของเขา ผู้นำทั้งหกตอบรับและยอมที่จะมองข้ามข้อขัดแย้งในอดีต เพื่อเตรียมรับมือกับแคลนด้วยกัน

ทางด้านแคลนในตอนแรก Jade Falcon ต้องการใส่ความว่าอิลข่านเลโอเสียชีวิตเพราะการจัดฉากของ ข่านอุลริก แต่ไม่สำเร็จ จึงใช้แผนสองเลือกข่านอุลริก มาเป็นอิลข่านอุลริก แทนที่อิลข่านเลโอที่ตายไป เป็นการตอกย้ำว่า อุลริก จะต้องทำงานอย่างเต็มที่เพื่อการรุกราน InnerSphere อิลข่านอุลริกจึงโต้กลับด้วยการเลือกเอา Nova Cat ให้ไปช่วย Smoke Jaguar ส่วน Steel Viper ให้ไปช่วย Jade Falcon และ Dimond Sharks มาเป็นแคลนสำรอง ทั้งๆ ที่ตัวเลือกที่เลือกมาต่างก็เป็นคู่อริกันอยู่แล้ว โดยอ้างเหตผลว่า จะต้องรักษาระดับความเร็วของการรุกรานให้เท่าเดิม ทั้งๆ ที่จุดประสงค์จริงๆ คือการถ่วง Jade Falcon และ Smoke Jaguar ส่วน Ghost Bear ที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการตัดสินใจครั้งนี้ เลยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

Khan Natasha Kerensky
Khan Natasha Kerensky

อิลข่านอุลริก ยังเลือก นาตาช่า เคเรนสกี้ มาเป็นข่านแทนที่ตัวเขา ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับคนรอบข้างรวมถึงตัว นาตาช่า เองด้วย เพราะว่า นาตาช่า ไปอยู่ในหน่วย Wolf’s Dragoon ถึงห้าสิบปีอันเป็นหน่วยที่มีประวัติด่างพร้อยในสายตาแคลนอยู่แล้ว แต่จากประสบการณ์ที่ได้รับในสมรภูมิต่างๆ ทำให้นาตาช่าผ่านการทดสอบคุณสมบัติและได้รับตำแหน่งข่านในที่สุด

ระลอกที่ห้า

ปีถัดมาวันที่ 1 พฤศจิกายน 3051 แคลนเริ่มแผนการรุกรานต่อ ราวกับไม่เคยหยุดพัก ในระลอกที่ห้าจำนวนดวงดาวที่เสียให้กับแคลนมีปริมาณพอๆ กับสี่ระลอกก่อนหน้านี้รวมกัน ในจำนวนนั้น Smoke Jaguar ตัดสินที่ที่จะบุกยึด Luthien ดาวหลวงของดราโกนิสคอมไบน์ เพื่อเป็นการล้างอายที่พ่ายแพ้ในศึก Wolcott แต่ด้วยข่าวสารที่ไม่ได้ระบุถึงกองกำลัง Kell Hounds และ Wolf Dragoon ที่เดเวี่ยนจ้างมาให้สนับสนุน และอาวุธยุโธปกรณ์ที่มีการพัฒนาในช่วง 1 ปีนี้ทำให้ Smoke Jaguar แพ้อีกเป็นหนที่สอง

ในระหว่างการประชุมระหว่าง พริมัสวอเตอรี่ กับ อิลข่านอุลริก เพื่อวางแผนการบุกระลอกที่หก พริมันเสนอว่าแคลนน่าจะยึด Tharkad เป็นดาวดวงต่อไปพร้อมกับเสนอข้อมูลทั้งหมดให้ แต่อิลข่านอุลริกปฎิเสธด้วยเหตผลว่าการยึด Tharkad จะทำให้แผนการล่าช้าออกไป และเปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริงของแผนการคือการยึด Terra

Battle of Tukayyid

เมื่อเป้าหมายที่แท้จริงของแคลนถูกเปิดเผย พรีมัสจึงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เพราะ Terra นั้นเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของ ComStar พรีมัสวอเตอรี่และพรีเซนเตอร์มาเชี่ยลจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที ทั้งคู่ช่วยกันร่างแผนการโต้กลับการรุกรานของแคลน โดยอาศัยกฎของพวกแคลนเองที่มีจุดอ่อนอยู่ ฟ็อคท้าทายอุลริกให้เดิมพันในศึกที่ผู้ชนะจะได้ถุกอย่างไป ถ้าแคลนชนะ ComStar จะยอมมอบ Terra ให้กับแคลนแต่โดยดี แต่ถ้า ComStar ชนะ แคลนจะต้องหยุดการรุกรานไปตลอดการ แต่อิลข่านอุลริกต่อรองจนเหลือ 15 ปี

นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงที่ อิลข่านอุลริกหวังไว้ อิลข่านต้องการที่จะหยุดยั้งการรุกราน จึงเลือกที่จะเปิดไพ่ลับ บอกความจริงทุกอย่างให้ ComStar รู้เพื่อหวังให้ ComStar ที่อยู่นิ่งเฉยมาตลอด เริ่มเคลื่อนไหว และมันก็ได้ผลเกินคาด

ฟ็อคเลือกดาว Tukayyid ที่มีประชากรเบาบาง อยู่ในเขตแดนของราสอัลฮาจ เป็นสมรภูมิ สภาพภูมิประเทศของดาวเหมาสมกับแผนการที่ฟ็อคคิดขึ้นมามากที่สุด โอกาสที่จะได้เห็นเหล่าผู้ที่ทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเขาต้องพินา ศทำให้ราสอัลฮาจไม่ลังเลที่จะให้ยืม Tukayyid เป็นสถานที่ทำศึกเลยแม้แต่น้อย

ฟ็อกศึกษารูปแบบการสู้รบของแคลนนับไม่ถ้วนจนในที่สุดเขาก็มั่นใจว่าเขาค้นพบจุดตายของแคลนแน่นอนแล้ว ปรัชญาการสู้รบของแคลนประกอบไปด้วย รวดเร็ว หนักหน่วง และ ใช้เวลาอันสั้น รวมกันทำให้แต่ละศึกที่แคลนสู้รบและได้ชัยชนะ มักจะจบด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็เลยเป็นเหตให้แคลนมองข้ามการบำรุงรักษากองพลและเสบียงเพื่อทำศึกในระยะยาวเกือบสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันจุดอ่อนของ Com Guards คือการขาดประสบการณ์ ทหารที่ผ่านการฝึกฝนเพียงแค่สิบปี ไม่สามารถเทียบกับนักรบของแคลนที่ถูกฝึกให้เป็นนักรบตั้งแต่เกิดได้ ฟ็อกตระหนักถึงความแตกต่างเหล่านี้ดี และเลือกที่จะบัญชาการเหล่าทัพทั้งหมดจากในบังเกอร์ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินในภูเขา

แต่ละแคลนจะได้รับเป้าหมายเป็นเมืองสองเมือง แคลนจะต้องยึดให้ได้ทั้งสองเมืองถึงจะถือว่าชนะ ถ้ายึดได้เมืองเดียวถือว่าเสมอ และถ้ายึดไม่ได้เลยจะถือว่า Com Guards เป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นทั้งหมด 7 แคลนจะต้องยึดให้ได้อย่างน้อย 8 เมืองหรือชนะอย่างน้อย 4 แคลน เป็นเงื่อนไขที่ดูง่ายดายมากในความคิดของแคลน

ศึกเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม เริ่มจากหกแคลนแลนดิ้งในตำแหน่งที่ใกล้เป้าหมายแต่ละแห่งที่ตนได้รับมอบหมาย

Smoke Jaguar

เป็นฝ่ายแรกที่ได้แลนดิ้งลงมาทำศึกก่อน ด้วยความกระหายที่จะสยบทั้งสองเมืองด้วยความรวดเร็ว ข่านลินคอนกระจายกำลังออกเป็นสองกลุ่ม แบ่งแลนดิ้งใกล้กลับเป้าหมายทั้งสองเมือง แต่ทัพ Jaguar Beta Galaxy ถูกกองพลที่ 367th 401st และ 207th แห่งเหล่าทัพที่ห้า ใช้สภาพภูมิประเทศเป็นที่กำบังด้วยกลยุทธ์ hit and run จนโดนไล่ตอนไปจนถึงสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ทัพ Beta Galaxy ถูกตรึงกำลังไว้ที่นั่นจนสิ้นสุดวันที่สามก็เหลือกำลังไม่ถึงครึ่งจากตอนแรก

ส่วน Alpha Galaxy ที่ได้เป้าหมายเป็นเมืองบนที่ราบสูง ถูกกองพลที่ 323rd แห่งเหล่าทัพที่ห้า ล่อไปจนถึงหุบเขาที่มี กองพลที่ 299 ดักซุ่มไว้ แผนการประสบความสำเร็จเมื่อ Com Guards สามารถตรึงกำลังของ Alpha Galaxy ไว้ในหุบเขาจนเหล่าที่สองมาสมทบได้ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียหายกันหนักมาก แต่ Smoke Jaguar ได้เสียข่านทั้งสองคนไปในศึกนี้แล้ว จึงไม่มีความหวังที่จะชนะศึกอีกต่อไป

Nova Cat

เลือกแบ่งสองกองทัพหวังจะปิดศึกอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับ Smoke Jaguar ถูกทัพฟ้าของ Com Guards ทำลาย Drop Ship ไปหนึ่งลำ ไม่มีผู้รอดชีวิต ตั้งแต่เริ่มศึก เมื่อแลนดิ้งได้และทำการปรับกระบวนทัพใหม่ทำการรุกกลับ แต่กลายเป็นว่าถูกล่อให้เข้าไปในพื้นที่ที่มีทหารของ Com Guards ดักซุ่มไว้หมดอยู่แล้ว Nova Cat ค่อยๆ รักษากระบวนทัพจากการโต้กลับอย่างหนักของ Com Guards แต่ในช่วงการรุกครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงหน้าด่านเป้าหมาย Nova Cat ก็เหลือกองกำลังไม่ถึง 3 Star และกระสุนที่หมดสิ้นในที่สุดก็ยอมรับความพ่ายแพ้และล่าถอยไป

Steel Viper

เรียนรู้จากความผิดพลาดของ Smoke Jaguar เลือกตำแหน่งแลนดิ้งที่ปลอดภัยกว่า เมื่อเริ่มเปิดศึก Viper ก็ถูกถล่มด้วยปืนใหญ่พิสัยไกล และโดนยึดครองน่านฟ้าเอาไว้จากเหล่าทัพที่หก เมื่อ Viper สามารถฝ่าแนวต้านของข้าศึกมาได้ก็เจอกับ Devil Bath ที่เต็มไปด้วยน้ำพุร้อน โคลนตม และแนวเสาหินแกรไนท์ที่สูงกว่าหุ่นที่พวกเขาขับ Viper ที่ไม่เคยเจอภูมิประเทศแบบนี้มาก่อนจึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนทัพต่อ และโดนตรึงกำลังไว้ที่นั่นเป็นเวลาสองวัน จนในที่สุดกระสุนสำรองก็หมดลง ในขณะที่เหล่าทัพที่หนึ่งตามมาสมทบทัพของ Com Guards จนข่านทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ Viper จึงตัดสินใจถอนกำลังในที่สุด

Jade Falcon

ค่อยๆ เคลื่อนทัพอย่างความระมัดระวังและใช้ประโยชน์จากหน่วยสอดแนมอย่างเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้เหล่าทัพที่สามกับกองพลสำรอง(เหล่าทัพที่สิบเอ็ด) มีเวลาตั้งกระบวนทัพแนวรับอย่างเหลือเฟือ Com Guardsใช้ hit and run คอยก่อกวน Falcon เพื่อบีบบังคับให้ Falcon ต้องตั้งแนวรับหลายชั้น เมื่อกองทัพหุ่นขนาดเล็กของ Falcon จะข้ามสะพาน ComGuard ก็ระเบิดสะพานทิ้งและตามด้วยการกระหน่ำของปืนใหญ่สนับสนุนทันที ทำให้ Falcon ต้องล่าถอยออกไปห่างกว่าตำแหน่งแลนดิ้งดั้งเดิมถึง 20 กิโลเมตร (50 กิโลเมตรจากเป้าหมาย)

ไม่ว่ายังไงพวก Falcon ก็จะต้องข้ามแม่น้ำไปยังเป้าหมายให้ได้ Falcon จึงโต้กลับด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดรบกวน ComGuards ที่อยู่ฝั่งตรงขาม ตามด้วย Omni Mech ที่ติดตั้ง Jump Jet และ Elementals กระโดดข้ามแม่น้ำไป ปิดด้วย Omni Mech ที่เหลือเดินลุยลงน้ำ ในแผนการนี้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความเสียหายอย่างนัก แต่โรงเก็บเสบียงของ Falcon ถูกลอบโจมตีและทำลายลง ทำให้หน่วย Falcon Guards ที่บุกทะลวงลึกไปถึงแดนข้าศึกถูกตัดขาดและขาดแคลนเสบียงจนไม่สามารถรุกต่อได้ ข่านเอเรียสยอมรับความพ่ายแพ้และสั่งถอยทัพ

Aidan Pryde
Aidan Pryde
Falcon Guards
Falcon Guards

battle_of_tukayyid

Aidan Pryde ใน Mad Cat (Timber Wolf) รุ่นปรับแต่งพิเศษ กำลังปกป้อง Masakari (WarHawk) ที่ลูกสาวของเขานั่งอยู่ เพียงลำพัง

ในขณะที่กำลังล่าถอย Falcon Guards ที่ทำหน้าที่คุ้มกัน Jade Falcon ที่เหลือ ต้องพบกับการโจมตีจาก Com Guards อย่างหนัก ณ ตอนนั้น Aidan Pryde แห่ง Falcon Guards ได้ทราบความจริงว่าเขามีลูกสาวร่วมสู้รบอยู่ในศึกนี้ด้วย และ Warhawk ที่ลูกสาวของเขาบังคับอยู่ก็พลาดท่าถูกยิงจนขยับไม่ได้ Aidan Pryde จึงเข้าปกป้องลูกสาวของเขาและยืนหยัดอยู่เพียงคนเดียวเพื่อให้พวกพ้องที่เหลือสามารถหนีไปได้จนหมดจนตัวตาย กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของ Jade Falcon ที่ผู้คนให้การยกย่องไปอีกนาน

Diamond Shark

ที่ปะทะกับเหล่าทัพที่สาม ในตอนแรกก็ทำศึกอย่างสูสีกัน จน Com Guards ลอบไปทำลายคลังเสบียงได้ ทำให้ Shark ต้องถอยทัพไปตั้งมั่นบนหุบเขา แต่ก็โดนตัดเส้นทางขนส่งเสบียงจนหมด ในที่สุด Alpha Beta และ Gamma Galaxy ของ Diamond Shark ก็ถูกทำลายจนสิ้น

Ghost Bear

ทันทีที่ลงจอดก็ปะทะกับเหล่าทัพที่หนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งเหล่า Ghost Bear ได้ ComGuard จึงล่าถอยทันที Beta และ Delta Galaxy เห็นดังนั้นจึงพยายามที่จะแยก Com Guards ออกจากกันแต่ก็ถูกหน่วยสนับสนุนมาขวางไว้จึงต้องล่าถอยไป Beta Galaxy จำนวนหนึ่งถูกส่งออกไปคุ้มกันทัพที่กำลังล่าถอย แต่กลายเป็นว่าหลงไปติดกับดัก Com Guards จุดไฟเผาป่าทิ้งทำลายหน่วยย่อยทั้งหน่วยของ Beta Galaxy ไปจนหมดสิ้น

เมื่อถึงเมือง Spanac เป้าหมายแรก Beta Galaxy ที่ยังเหลืออยู่ และ Delta Galaxy ก็มารวมกลุ่มกับ Alpha Galaxy ในขณะที่เหล่าทัพที่หนึ่งและเหล่าทัพที่สี่กำลังตามมาสนับสนุน พวก Ghost Bear จึงตัดสินใจบุกเข้ายึดเป้าหมายอย่างกราดเกรี้ยว ทำให้ Com Guard ที่รักษาเมืองต้องยอมล่าถอยยกเมืองให้กับ Ghost Bear ในที่สุด Ghost Bear จึงสามารถต้านเหล่าทัพที่หนึ่งที่มาสนับสนุนได้ ในขณะที่เหล่าทัพที่สี่เลือกที่จะโจมตีด้วยปืนใหญ่ และเล็งทำลายคลังเสบียง ทำให้ Ghost Bear ทัพที่กำลังอยู่ระหว่างบุกเมืองที่สองต้องล่าถอยมาปกป้องเสบียงเอาไว้ จนในที่สุดทัพ Ghost Bear ที่ไปถึงเป้าหมายที่สอง ก็มีกองกำลังน้อยเกินกว่าที่จะฝ่าด่านป้องกันไปได้ Ghost Bear จึงตัดสินใจล่าถอยไป

Wolf

Wolf ที่เฝ้ามองข้อผิดพลาดของแคลนอื่นๆ เป็นเวลาห้าวันเต็ม อิลข่านอุลริกสั่งให้ปรับเปลี่ยนอาวุธเกือบทั้งหมดเป็นแบบ Energy Base และเตรียมพร้อมทำศึกยืดเยื้ออย่างสมบูรณ์แบบ ข่านนาตาช่า กับ Wolf Guards ลำดับที่สิบสาม ทำการโจมตีแบบกวาดล้าง เพื่อทะลวงแนวต้านของ Com Guards เปิดโอกาสให้หน่วยที่เหลือรุกคืบหน้าไปได้ ประสบการ กลยุทธ์ที่เหนือกว่า และ การเตรียมพร้อมเสบียงที่แข็งแกร่ง ทำให้ Wolf สามารถยึดเป้าหมายได้ทั้งสองได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเสียรองข่านไปในศึกก็ตาม

ปิดฉากสงคราม

เมื้อสิ้นสุดวันที่ 21 ศึก Tukayyid ก็ปิดฉากลงด้วยแต้ม แพ้ 4 เสมอ 2 (Jade Falcon นับเป็นเสมอเพราะสร้างความเสียหายให้กับ ComGuards ได้เยอะมาก) และ ชนะ 1 ทำให้ Com Guards เป็นฝ่ายชนะไปในที่สุดและแคลนจะต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เวลา 15 ปีต่อไปนี้ จะเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่ InnerSphere จะต้องใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าเพื่อเตรียมรับมือกับ Clan ต่อไปในอนาคต

3052

Leave a Reply