สวัสดีครับ
จริงๆ คือว่าจะเขียน Clan Invasion ต่อตั้งนานแล้วละครับแต่ก็ นั่งอู้ นอนอู้ เล่นเกมอยู่นานมาก… XD แล้วก็กำลังอ่านเนื้อเรื่องในยุคที่ 5 ยุค Jihad อยู่ซึ่งจะเป็นยุคที่เตรียมรีเซ็ตเนื้อเรื่องทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ยุคที่ 6 ยุค Dark Age
ก่อนที่จะไปต่อจากเดิม ก็ขอเล่าเนื้อเรื่องของ Phelan Kell ก่อน
เฟแลน เคล (Phelan Kell)
เฟแลน เคล เป็นบุตรชายของ มอร์แกน เคล (Morgan Kell) หัวหน้าของกองทหารรับจ้าง Kell Hound ซึ่งตัวมอร์แกนเคล มีศักดิ์เป็นถึงน้าของ เมลิซ่า สไตนเนอร์ ภรรยาของ ฮานส์ เดเวี่ยน (Hans Davion) ดังนั้น เฟแลน เคล จึงนับเป็น ญาติห่างๆ กับ วิกเตอร์ เอียน สไตนเนอร์ เดเวี่ยน (Victor Ian Steiner-Davion) บุตรชายของ ฮานส์ และ เมลิซ่า อีกด้วย
หน่วยของเฟแลนถูกส่งไปปราบโจรสลัดในเขต Periphery แต่ก็เข้าปะทะกับ Wolf โดยบังเอิญ ณ ขณะนั้น InnerSphere ยังไม่ทราบถึงตัวตนของ Clan ในการสู้รบกับ Wolf เมื่อเริ่มการปะทะกันเฟแลนก็ค่อยๆ รับรู้ถึงความน่ากลัวของแคลน และพยายามเปิดช่องทางการสื่อสารทุกอย่าง เพื่อปล่อยภาพบันทึกการสู้รบของเขากับกองกำลังปริศนาโดยหวังว่า จะเป็นประโยชน์กับคนที่มาพบในภายหลัง
หนึ่งใน BattleMech ปริศนาที่เฟแลนเข้าประจัญด้วย มีรูปร่างที่คล้ายกับ Catapult ที่มีมือแบบเดียวกับ Marauder งอกออกมาสองข้างทำให้คอมพิวเตอร์ของเฟแลนแสดงชื่อสลับไปมาระหว่าง Marauder กับ Catapult เฟแลนจึงตัดสินใจเรียกหุ่นปริศนาตัวนี้ว่า Mad Cat เขาสังเกตว่าทั้งพลังทำลายและความเร็วของ Mad Cat สูงผิดปรกติมากจึงเดาเอาว่าเกราะของ Mad Cat น่าจะบางเอามากๆ อย่างแน่นอน แต่เมื่อเขาเสี่ยงชีวิตบุกเข้าประชิด Mad Cat เพื่อหวังจะทำลายเครื่องยนต์ของ Mad Cat ตรงๆ ก็พบว่าอาวุธทั้งหมดที่เขามีทำได้เพียงแค่สะกิดผิวเกราะชั้นนอกเท่านั้น WolfHound ที่เขาขับอยู่จึงโดนทำลายไปอย่างง่ายดาย
Wolfhound เป็น หุ่นชั้น Light Class หนัก 35 ตัน ความเร็วสูงสุด 97.2 km/h เป็นหุ่นออริจินอลที่กองทหารรับจ้าง Kell Hound ออกแบบขึ้นมาเอง มีอาวุธพื้นฐานคือ 4 Medium Laser และ 1 ER (Extend Range) Large laser อุลริคได้สั่งให้เก็บซาก Wolfhound ของ เฟแลน เอาไว้จนเมื่อ เฟแลนได้กลายเป็นนักรบแคลนเต็มตัวอุลริคก็ให้ยกเครื่อง Wolfhound ใหม่ทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีของแคลนกลายเป็น Wolfhound IIC
Catapult
หุ่นชั้น Heavy Class หนัก 65 ตัน ความเร็วสูงสุด 64.8 km/h หุ้มเกราะหนา 10 ตัน เป็นหุ่นสนับสนุนแนวหลังดังนั้น ในรูปแบบมาตรฐาน ที่หัวไหล่ (หู) ทั้งสองข้างจะติดตั้ง LRM เอาไว้ แต่ก็มี Medium Laser 4 กระบอกเอาไว้ป้องกันตัวในการสู้รบระยะกลาง Jump Jet ที่ติดตั้งไว้ทำให้ Catapult สามารถปีนป่ายภูเขาเพื่อความได้เปรียบทางสมรภูมิ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่นของฝ่าย Kurita จะติดตั้ง PPC (Particle Projector Cannon ถ้าให้เทียบทฤษฎีกับอนิเมญี่ปุ่น นี่ก็คงราวๆ ปืนใหญ่ฮาดรอนของโค้ดเกียสละมั้ง…) แทนที่ LRM ทั้งสองข้าง เพื่อการยิงสนับสนุนแบบ Direct Fire ตรงๆ
Marauder
หุ่นชั้น Heavy Class หนัก 75 ตัน ความเร็วสูงสุด 64.8 km/h ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นหน่วยจูโจม และหน่วยยิงสนับสนุน ได้รับความนิยมมากในยุค Star League แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ค่อยๆ เสื่อมถอยลงจึงไม่ค่อยมี Marauder รุ่นใหม่ถูกผลิตออกมามากนัก ข้อด้อยของ Marauder คือเกราะที่ค่อนข้างบางเมื่อเทียบกับ BattleMech ในคลาสเดียวกันเพราะติดตั้งอาวุธที่มีพลังทำลายสูง ที่แขนสองข้างติดตั้ง PPC ส่วนด้านหลังติดตั้งปืนใหญ่ AC5 (Auto Cannon) และ Medium Laser สองกระบอกสำหรับป้องกันตัวในระยะประชิด Marauder ยังคงติดตั้ง Jump Jet เช่นเดียวกับ Catapult
Mad Cat (Timber Wolf)
เป็นหุ่นชั้น Heavy Class หนัก 75 ตัน ความเร็วสูงสุด 86.4 km/h และเพื่อให้ได้พลังทำลายสูงสุดจึงใช้วัสดุลดน้ำหนักทุกรูปแบบตั้งแต่เกราะภายนอกที่ใช้วัสดุผสม Ferro-Fibrous โครงสร้างภายในใช้เหล็ก Endo-Steel และเตาปฏิกรณ์ที่เบาเป็นพิเศษ XL Engine 375 (Extra Light)
ในรูปแบบมาตรฐานจะติดตั้ง LRM 20 (Long Range Missile) ไว้ที่บ่าทั้งสองข้างสำหรับยิงสนับสนุน มือทั้งสองข้างติด ER Large Laser (Extend Range Large Laser) และ ER Medium Laser สำหรับการสู้รบระยะกลางถึงใกล้ Medium Pulse Laser และ Machine Gun 2 กระบอกที่ลำตัว สำหรับสู้ระยะประชิด Timber Wolf ได้รับความนิยมไปทั่ว Clan ต่างๆ ด้วยการที่ตัวหุ่นเองเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของ Clan แต่ด้วยพลังทำลาย ความเร็ว และเกราะที่หนา ทำให้มันกลายเป็นฝันร้ายของ InnerSphere ในช่วงเริ่มแรกของ Clan Invasion
เฟแลนรอดตายมาได้ แต่ก็ถูกจับไปเป็นเชลย ในระหว่างการสอบปากคำ อุลริคได้ทราบว่า เฟแลน มีเชื้อสายของ Ward หนึ่งในนักรบที่หนีตามไปกับ อเล็กซานเดอร์ เคเรนสกี้ ประกอบกับลักษณะนิสัยของเฟแลนที่ไม่ยอมใครง่ายๆ ถึงแม้จะโดนจับทรมานอยู่ทำให้ ข่านอุลริค (Khan Ulric Kerensky) สนใจในตัวของเฟแลน และเลือกเฟแลนมาเป็น Bondman ของตน (Bondman เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็ประมาณทาส แต่มีอิสระกว่าหน่อยนึง และหากสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ ก็จะได้เลื่อนวรรณะไปเป็นวรรณะอื่นๆ ในระบบของ Clan)
เมื่อถูกจับมาเป็นเชลย เฟแลนก็ต้องทิ้งนามสกุล Kell ของเขาและถูกเรียกเป็น Phelan Wolf แทน เขาถูกทดสอบในรูปแบบต่างๆ ตลอดเวลาในช่วงที่เป็น Bondman ของ อุลริคอยู่ และเขาก็ทราบว่าคนที่ขับ Timber Wolf ที่เขาเข้าสู้ด้วยแล้วก็ถูกทำลายลง ก็คือ วลาร์ด (Vladimir) วลาร์ดจะคอยตอกย้ำเฟแลนอยู่เสมอว่าเฟแลนแพ้ให้กับเขา จึงเป็นผู้ที่ด้อยกว่า แต่ลึกๆ ในใจวลาร์ดเองมองเฟแลนเป็นคู่อริตลอดเวลา เพราะเฟแลนมีเชื้อสายของ Ward เช่นเดียวกับตน จึงเท่ากับเป็นคู่แข่งในการชิงชื่อ Bloodname ส่วนตัว เฟแลนเองก็มั่นใจว่าถ้าได้ BattleMech ที่มีเทคโนโลยีถัดเทียมกัน เขาก็สามารถชนะวลาร์ดได้เช่นเดียวกัน
จุดประสงค์ที่อุลริคเลือกเฟแลนมาเป็น Bondman ของตนนอกจากต้องการข้อมูลทางยุทธศาสตร์ของ InnerSphere เพื่อให้มีชัยเหนือ Clan อื่นๆ ในการรุกราน InnerSphere ก็เพื่อให้ตัวเฟแลนค่อยๆ ซึมซับวิถีของ Clan โดยหวังว่าเฟแลนจะกลายมาเป็นหนึ่งในนักรบของ Wolf และจะเป็นตัวเชื่อมระหว่าง InnerSphere กับ Clan เข้าด้วยกัน
ในตอนที่ยานแม่ DireWolf ถูกยานรบเข้าดับเครื่องชนใส่สะพานเดินเรือ เฟแลนก็เป็นคนที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปในห้องสะพานเดินเรือ เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมา ทำให้อุลริครอดตายมาได้ และเขาก็ช่วยวลาร์ดออกมาด้วยถึงแม้ว่าจะเป็นคู่อริกันก็ตาม เหตการณ์ครั้งนี้สร้างความดีความชอบให้กับเฟแลน ทำให้ในช่วงที่แคลนหยุดพัก 1 ปีเพื่อคัดเลือก อิลข่านคนใหม่ เฟแลนได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกของแคลนเต็มตัวและได้รับเข้าทดสอบรับตำแหน่งนักรบของแคลน
เมื่อ Clan กลับมาเปิดฉากบุก InnerSphere ต่อ อุลริคได้กลายเป็นอิลข่านคนใหม่ ส่วนเฟแลนได้ออกรบร่วมกับ Wolf ในหน่วย Wolf Spider ที่มีข่านนาตาช่า เคเรนสกี้ (Khan Natasha Kerensky) เป็นผู้บังคับบัญชาการด้วยตัวเอง และหลังจากจบศึก Tukayyid ลงเฟแลนได้เอาชนะวลาร์ดในศึกชิง Bloodname ทำให้เฟแลนได้รับชื่อใหม่กลายเป็น Phelan Ward และยังรับตำแหน่งซาข่าน (saKhan – รองข่าน) แทนที่ซาข่านคนเดิมที่เสียชีวิตลงบนดาว Tukayyid อีกด้วย
Tukayyid เมล็ดพันธ์แห่งความขัดแย้ง
ตามสนธิสัญญาที่ตกลงไว้ Clan จะไม่สามารถรุกล้ำเกินดวงดาว Tukayyid ได้เป็นเวลา 15 ปี สำหรับฝ่าย InnerSphere นับว่าเพียงพอที่จะหาทางกลบข้อด้อยทางด้านเทคโนโลยีของคนเอง แต่สำหรับ Clan แล้ว เวลา 15 ปีได้สร้างปัญหาอย่างมาก เนื่องด้วย Clan เป็นชนชาตินักรบ หากจะให้นักรบของแคลนนั่งๆ นอนๆ ไปเฉยๆ ถึง 15 ปี ก็จะถูกนักรบรุ่นถัดไปที่หนุ่มกว่ามาแทนที่ ส่วนนักรบแก่ๆ ก็จะถูกโอนไปอยู่แนวหลัง หรือถูกส่งไปลงหน่วย Soloma ที่เป็นหน่วยรวมทหารแก่ๆ ที่จะถูกส่งไปประจำการบนดวงดาวที่ไม่ได้สำคัญในระดับยุทธศาสตร์มากนัก หรือส่งไปตายในสงครามแทนที่นักรบที่ยังประจำการอยู่
จากที่กล่าวมาทั้งหมด สำหรับ Clan สาย Warden หรือกลุ่มที่เชื่อว่า Clan ควรจะเป็นผู้คุ้มครอง InnerSphere ก็ไม่ได้เป็นเรื่องรายแรงอะไร แต่ Clan สาย Crusader หรือกลุ่มที่เชื่อว่า Clan ควรจะเป็นผู้ปกครอง InnerSphere นั้นเต้นไม่เข้าร้องไม่ออกเลยทีเดียว ทั้ง InnerSphere ที่อาจจะมีเทคโนโลยีตามทันพวกตน ทั้งเรื่องที่พวกตนอาจจะไม่มีโอกาสได้ลงศึกอีก
สำหรับ Wolf ที่มีทั้ง Warden และ Crusader ปนกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนักรบของ Wolf รุ่นใหม่เริ่มมีแนวโน้มที่จะเป็น Crusader มากขึ้นเรื่อยๆ พวก Crusader รุ่นใหม่ที่เพิ่งขึ้นมาเป็นนักรบก็กลัวว่าพอครบ 15 ปี พวกตนก็จะถูกนักรบรุ่นหลังมาแทนที่ทำให้อดทำศึกยึดครอง InnerSphere พอความกลัวนี้สะสมมากๆ เข้าทุกอย่างมันก็เลยระเบิด ปมความขัดแย้งทั้งหมดพุ่งตรงไปหา อิลข่าน อุลริค (ilKhan Ulric Kerensky) ผู้ที่ทำสัญญากับ ฟ็อค (Precenter Martial Anastasius Focht)
ในสภาสูง ปี 3057 อุลริคถูกตั้งข้อกล่าวหาจาก Loremaster จาก Wolf Crusader ว่าสมคบคิดกับ ฟ็อค (Precenter Martial Anastasius Focht) จาก ComStar เพื่อจะทำให้ Clan เป็นฝ่ายแพ้ในสงคราม แต่อุลริคได้โต้กลับข้อกล่าวหาต่างๆ ว่า ข่านคนอื่นเป็นฝ่ายที่ประมาท InnerSphere เองจนพ่ายแพ้ในศึก Tukayyid ไป ทั้งๆ ที่ได้ให้คำแนะนำในการทำศึกไปแล้ว แต่กลับไม่สนใจที่จะรับฟัง ในขณะที่ Wolf อุลริคเป็นผู้บัญชาการด้วยตัวเองจึงสามารถได้รับชัยชนะ ส่วนระยะ 15 ปีจัดว่าเหมาะสมที่จะกลบจุดอ่อนของแคลน ที่ทำให้แพ้ในศึก Tukayyid และฝึกนักรบรุ่นใหม่มาเตรียมพร้อมในศึกถัดไป
เมื่อข้อกล่าวหาต่างๆ ใช้ไม่ได้ผล Loremaster จึงตั้งข้อกล่าวหาอันร้ายแรงที่สุดนั่นคือ อุลริค ต้องการที่จะทำลายมรดกทางพันธุกรรมของ Clan ทิ้ง ด้วยเหตผลว่านักรบที่ถูกฝึกขึ้นใหม่จะไร้ประสบการณ์สู้รบจริง เมื่อสนธิสัญญาหมดลง พวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องทำศึกกับทหารของ InnerSphere ที่พร้อมสู้รบ ทั้งในด้านจำนวนคนและเทคโนโลยี ทำให้ Clan อาจจะเป็นฝายถูกทำลายลงได้ ความผิดของข้อกล่าวหานี้จัดว่าร้ายแรงที่สุดถึงขั้นเทียบเท่าที่จะทำให้ Clan Wolf ถูกทำลายลงทั้ง Clan ได้เช่นเดียวกับ Clan Wolverine ที่ถูกตัดสินให้มีความผิดโทษฐานการการไประเบิดโรงเก็บพันธุกรรมของแคลนอื่นและถูกกวาดล้างหมดทั้ง Clan
เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรง อุลริค จึงยื่นข้อกล่าวหานี้ส่งเข้าสภาสูงโดยตรง เพื่อที่ Wolf จะได้ไม่ต้องเสี่ยงจากการแตกแยกจากภายใน Wolf ด้วยกันเอง Jade Falcon ที่เป็นอริกับ Wolf มาช้านาน และจ้องหาโอกาสที่จะฉีกสนธิสัญญา Tukayyid ทิ้งทุกเวลา จึงเป็นผู้เข้าร่วมตัดสินคดีกับ Wolf
ในสภาระหว่าง Jade Falcon กับ Wolf หลังจากข้อกล่าวหาและข้อโต้แย้งต่างๆ ถูกเปิดประเด็นขึ้นมา เมื่อถึงเวลาลงคะแนน อุลริคถูกโหวตให้มีความผิดจริงด้วยคะแนนที่ชนะไปเพียงนิดเดียวในอัตราส่วนที่แทบจะเป็น 1 ต่อ 1 ซึ่งตามกฎของแคลนแล้ว ฝ่ายที่แพ้สามารถใช้กฎ Trial of Refusal เพื่อพลิกการตัดสินให้กลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ ด้วยการประลองกัน (ถึงตาย) โดยมีกฎอยู่เล็กน้อยว่าฝ่ายตั้งรับ (ฝ่ายที่เสียงน้อยกว่า) จะมีสิทธิได้เลือกจำนวนคนที่จะลงประลองก่อน จากนั้นฝ่ายรุก (ฝ่ายที่เสียงมากกว่า) จะมีสิทธิใช้จำนวนคนที่มากกว่าในสัดส่วนที่เท่ากับเสียงโหวตได้ เช่นผลการโหวตเป็น 3 ต่อ 2 หากฝ่ายแพ้เลือกใช้ MechWarrior จำนวน 2 Star (5 คน) ฝ่ายชนะก็มีสิทธิ์ เลือกส่ง MechWarrior ในจำนวน 3 Star (15 คน) ได้
Jade Falcon และ Wolf Crusader ต้องการให้อุลริคลงจากตำแหน่ง ilKhanให้อุลริคไปทำงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าใน Wolf จะได้อ้างว่าสนธิสัญญา Tukayyid เป็นโมฆะเพราะเป็นสิ่งที่ตกลงกันระหว่าง อุลริค กับ ฟ็อค เท่านั้น
อุลริคจึงเลือกใช้สิทธิ Trial of Refusal โดยไม่ได้เลือกที่จะใช้ตัวเอง หรือหน่วยใดหน่วยหนึ่ง เป็นฝ่ายป้องกันแต่เพียงผู้เดียว แต่อุลริคเลือก Clan Wolf ทั้ง Clan ที่จะมาเป็นฝ่ายป้องกันในข้อกล่าวหานี้ และสมรภูมิก็คือ ดาวที่ Jade Falcon ยึดมาได้ทุกดวงใน InnerSphere ซึ่ง Jade Falcon ไม่ได้คาดคิดมากก่อนว่าจะต้องมาทำสงครามกับ Wolf ในแบบนี้ ทำให้ Trial of Refusal รอบนี้เป็นรอบที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Clan ก่อตั้งมา และถูกเรียกชื่อศึกว่า Refusal War
จุดประสงค์ที่แท้จริงของ อุลริค ก็คือไม่ต้องการให้ Jade Falcon เริ่มสงครามกับ InnerSphere รอบใหม่ ด้วยการทำให้ Jade Falcon อ่อนกำลังลงจากการเอา Wolf ทั้งหมดเข้าไปแลก พร้อมกับส่ง Wolf Warden และชาว Wolf ในวรรณะอื่นๆ หลบหนีไป InnerSphere
Refusal War
ในตอนต้นของสงคราม เพื่อที่จะหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่า Wolf ส่งกองทัพเข้ามาสู้ด้วยทั้งหมดจริงๆ เฟแลน ออกจู่โจมด้วยหน่วย Alpha Galaxy ของเขาก่อนที่จะพา Wolf Warden ทั้งหมดหนีไป InnerSphere
ในขณะที่ Wolf Touman ได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างหนักในหลายๆ ครั้ง แต่ อุลริค และ นาตาช่า ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่านี่เป็นแผนของ Jade Falcon ที่จะหลอกล่อให้ทั้งคู่เข้าไปติดกับ
นาตาช่า ถูก Jade Falcon ตรึงกำลังไว้ที่ช่องแคบบนดาว Twycross สถานที่เดียวกับ ที่ หน่วย Falcon Guard ของ Jade Falcon ถูก FCAF (Federate Commonwealth Armed Force) ล่อให้เข้าไปติดกับในช่องแคบและถูกฝังทั้งเป็นทั้งหน่วยจากทุ่นระเบิดที่ฝังไว้รอบๆ ช่องแคบ นาตาช่าเอาตนเองเสียสละขวางทางในช่องแคบ Twycross เพียงคนเดียวเพื่อถ่วงเวลาไว้ และออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดตามไปสมทบกับอุลริคโดยทันที ทางฝ่าย Jade Falcon จึงส่งโจแอนนา (Joanna) ออกมาท้าดวลกับนาตาช่าตัวต่อตัว โจแอนนาถึงจะไม่มี Bloodname แต่ก็นักรบฝีมือดีอีกคนหนึ่ง และเป็นครูผู้ฝึกสอนไอดาน (Aydan Pryde) ผู้ที่เอาตัวเข้าปกป้องหน่วย Falcon Guard จนจบชีวิตลงบน Tukayyid และกลายเป็นตำนานของ Jade Falcon ไปแล้ว โจแอนนาอยู่ในสถานการที่เสียเปรียบนาตาช่าเกือบทุกอย่างทั้งประสบการณ์และหุ่นที่ทั้งคู่บังคับในตอนนั้น โจแอนนาถูกไล่ต้อนจนแทบจะไม่เหลือาวุธใดๆ แล้ว Summoner ที่เธอขับอยู่ก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดทางต่อสู้ แต่เมื่อนาตาช่าเดินเข้ามาหวังจะเผด็จศึกในตอนสุดท้ายโจแอนนาก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ในวินาทีสุดท้ายด้วยการยกขาของ Summoner แล้วเปิด Jump Jet เต็มกำลังเข้ากลางค็อกพิทของ Widowmaker ทำให้นาตาช่าถูกเผาทั้งเป็นในค็อกพิทของ Widowmaker จบชีวิตลงบน Twycross
Thor (Summoner)
หุ่นชั้น Heavy Class 70ตัน ความเร็วสูงสุด 86.4 km/h มือขวาติดตั้ง PPC มือซ้ายติดปืนใหญ่ LB-10X และไหล่ซ้ายแบกมิสไซล์ LRM15 ด้วยอาวุธในมือซ้ายและมือขวาที่เป็นลักษณะเฉพาะราวกับ ค้อน และ สายฟ้า จึงถูก InnerSphere ตั้งโค้ดเนมว่า Thor
Summoner เป็นหุ่นที่ได้รับความนิยมใน Clan Jade Falcon มากด้วยความคล่องตัวที่สูงจากการมี Jump Jet จนมีคำกล่าวว่า จงระวังตัวเป็นสองเท่าหากเห็นนักรบ Jade Falcon ไม่ได้อยู่บน Summoner, Hellbringer หรือ Kit Fox
อุลริค (ตำแหน่ง Star Colonel ในขณะนั้น) ปะทะกับกองกำลังของ ซาข่าน ชิสตู (Vandervahn Chistu) ชิสตูท้าดวลกับอุลริคตัวต่อตัวใน Circle of Equal เขารับคำท้าโดยไม่ได้รู้เลยว่าชิสตูแอบซุ่มหน่วย Missile Boatเอาไว้ด้านหลัง เมื่ออุลริคเข้ามาในเขตประลอง ก็ถูกมิสไซล์ระดมยิงจนตายไปพร้อมๆ กับหน่วย Star ของเขาทั้งหน่วย
หลังจาก นาตาช่า และ อุลริค เสียชีวิตลง Jade Falcon ก็พยายามไล่ล่า เฟแลน ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ แต่ณ ขณะนั้น หน่วยทหารรับจ้าง Kell Hound ได้เข้าร่วมกับ เฟแลน ทำให้เฟแลนสามารถเอาชนะ Jade Falcon ที่ตามล่ามาได้
Mechwarrior 2 สมัย Dos ปี 95 จับเอาเนื้อเรื่อง Refusal War มาทำเป็นเกม โดยผู้เล่นจะเลือกฝ่ายระหว่าง Wolf และ Jade Falcon ได้ ฉากจบในเกมจะต่างจากเนื้อเรื่องของจริงเล็กน้อยตรงที่ถ้าเลือกเล่นฝ่าย Jade Falcon จะไม่มี Wolf เหลือรอดชีวิตในตอนจบ แต่ถ้าเลือกเล่น Wolf ก็จะยึดตามในนิยาย
Aftermath
ตราของ Wolf-in-Exile
Wolf ที่หนีมากับ เฟแลนกลายมาเป็น Wolf-in-Exile มีแนวคิดว่าตนเองคือผู้ที่สืบทอดเจตนารมณ์ที่แท้จริงของ Wolf และยึดมั่นในแนวคิดของ Warden
พวกเขาสร้างสัมพันธ์อันดีกับ Kell Hound และได้รับพื้นที่ส่วนหนึ่งบน Arc-Royal มาตั้ง enclave ของ clan ทำให้ Lyran ได้รับพันธมิตรที่แข็งแกร่งกลุ่มใหม่ที่จะมาต่อต้าน Clan
นอกจากนี้ก่อนจากกันอุลริคยังกำหนดให้ Kell เป็น Bloodname ใหม่ เฟแลนจึงเปลี่ยนชื่อจาก Phelan Ward กลับมาเป็น Phelan Kell และดำรงตำแหน่งข่านแห่ง Wolf-in-Exile
ในขณะเดียวกัน Wolf ที่เป็นฝ่ายแพ้ในศึก Refusal War จึงถูกตัดสินให้มีความผิด พร้อมๆ กับบอบช้ำอย่างหนักของ Jade Falcon และท่ามกลางเสียงคัดค้านของ Warden Clan กลุ่มอื่นๆ ที่กล่าวว่าถึงอุลริคจะมีความผิดจริง แต่ก็ต้องยอมรับในสนธิสัญญา Tukayyid Jade Falcon จึงไม่สามารถเริ่มการรุกราน InnerSphere รอบใหม่ได้ทันที
แต่ก่อนที่ Jade Falcon จะดูดกลืน Wolf ที่ยังเหลืออยู่ไปทั้งหมด วลาร์ด ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากหน่วย Star ของอุลริค เขาเปิดเผยความจริงว่า ซาข่านชิสตู ใช้กลโกงในการท้าดวลกันตามกฎของแคลน และสังหารข่านชิสตู ในการดวล Trial of Refusalข่านเอลิอาส (Elias Crichell) จึงปล่อย Wolf ที่เหลือและตั้งชื่อใหม่ว่า Jade Wolf เนื่องจาก Wolf ทั้งหมดต้องรับผิดชอบในการร่วมกันป้องกัน อุลริค จากข้อกล่าวหา
ภายหลัง วลาร์ด ได้รับ Bloodname และกลายมาเป็นข่านคนใหม่ของ Wolf (Khan Vlad Ward) แต่เมื่อข่านเอลิอาสได้รับเลือกให้เป็นอิลข่านคนใหม่ วลาร์ดก็ปฎิเสธและสังหาร เอลิอาสทิ้งใน Trial of Refusal หลังจากนั้นก็ประกาศเปลี่ยนชื่อกลับเป็น Clan Wolf และประกาศตนว่าจะไม่ยอมถูกผูกมัดใดๆ จากการพ่ายแพ้ศึก Refusal War ส่วน Wolf ที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงแม้จะเป็นผู้สืบทอด Wolf แต่พวกเขาก็ยึดมั่นในความเชื่อของ Crusader อย่างชัดเจน
- BattleTech(MechWarrior) 5 ตระกูลผู้นำและศึก SuccessionWar
- BattleTech/MechWarrior ภาคกำเนิดแคลน (Clan) นักรบแห่งเคอเรนสกี้
- BattleTech/MechWarrior ภาคการรุกรานของแคลน (Clan Invasion)
- BattleTech/MechWarrior สัพเพเหระ ช่วง Clan Invasion
- BattleTech/MechWarrior ศึก Refusal War
- BattleTech/MechWarrior กำเนิด Second Star League