Final Fantasy XV – Unfinished Masterpieces

หัวไตเติ้ลหยิบมาจากโพสคนอื่นในเฟสบุ๊คอีกทีนึง

ก็แพล๊ตเกมนี้ไปได้สักพักละ จริงๆ ข้อดีข้อเสียเกมห่วยยังไงดียังไง เว็บรีวิวหรือตามบอร์ดเกมทั่วไปก็คงจะพูดถึงกันไปหมดแล้ว

โดยรวมผมก็จัดให้ภาคนี้เป็นเกมที่สนุกอยู่นะ playtime รวมก็ 80+ ชั่วโมงทีเดียว (โดยปรกติถ้าเกมมันไม่สนุกก็น่าจะหยุดเล่นไปตั้งแต่เนินๆ แล้ว คงไม่นั่งเล่นได้จนเกือบ 100 ชั่วโมงหรอกมั้ง?)

จุดที่ชอบนอกเหนือจากเป็น open world กับเกมเพลย์ทั่วไป ก็คือไอ้ถ่ายรูป กับ อาหารนี่ละ ดูมันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับตัวเกมหลักจริงๆ เลย แต่ระบบถ่ายรูปอัตโนมัติ (มีเพื่อนในเกมถ่ายรูปให้ตลอดเวลา) นี่เป็นสิ่งที่บรรเจิดที่สุดของ FFXV เลยก็ว่าได้ เนื่องจาก FFXV เป็นเกมที่ภาพสวยมากอยู่แล้ว เราก็เลยได้ภาพถ่ายสวยๆ ออกมาเป็นระยะๆ โดยที่คนเล่นไม่ต้องทำอะไรเลย

ส่วนอาหารของ FFXV ก็ปั้นโมเดลออกมาได้น่ากินมาก ดูจะตั้งใจปั้นมากจนน่าสงสัยว่าเอาทรัพยากรมนุษย์มาลงผิดที่รึเปล่า

แต่ตั้งแต่ต้นเกม เมื่อเล่นๆ ไปสักพักก็จะพบกับสิ่งแปลกประหลาดมากมาย ที่ไม่น่าเชื่อว่าเกมไตเติ้ลยักษ์แบบนี้จะเลือกทำอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่สมเหตสมผลเอาเสียเลย

เราจะไม่พูดถึงวิธีการเล่าเรื่องที่ข้ามไปมาเพราะคนอื่นน่าจะสับกันจนเละไปแล้ว เรื่องที่ผมอยากจะเขียนถึงก็คือ UI เกมนี้มีจุดชวนขัดใจเยอะมาก และ end game dungeon ที่เหมือนดูถูกคนเล่นยังไงชอบกล

วิธีการรับเควส

ในโลกของ FFXV จะมีปั๊มน้ำมัน หรือ กระต๊อบข้างทางเป็น hub ให้เราเข้าไปคุยเพื่อซื้อของรับเควสได้ และใน hub ทุกที่จะมี npc ที่เปิดร้านอาหารอยู่ โดยเราสามารถเข้าไปคุยกับ npc เหล่านี้เพื่อกระทำอะไรก็ได้อยู่สามสิ่งคือ

  1. ให้ npc มาร์คจุดน่าสนใจต่างๆ บนแผนที่ของเรา
  2. ซื้ออาหารกิน
  3. รับเควสล่ามอนสเตอร์

แต่ถ้า npc เจ้าของร้านอาหารพวกนี้ มีเควสให้เราทำ เราต้องคุยกับโต๊ะแทนเพื่อรับเควส ขยายความก็คือหากเราต้องการซื้่ออาหารกินก็ให้คุยกับ npc ตรงๆ แล้วเลือกซื้ออาหาร แต่ถ้าอยากรับเควสหรือส่งเควสให้คุยกับโต๊ะแทน

แทนที่ทีมงาน FFXV จะเลือกเพิ่มช้อยส์ที่สี่เข้าไปเพื่อให้เราคุยรับส่งเควสได้ กลับเลือกที่จะเพิ่ม node ให้เราคุยเพื่อรับส่งเควสเพิ่มขึ้นมา

แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แค่ตัวสองตัวด้วย อาจจะมีถึงสิบตัวกับอีกหลายเควส คือไม่เข้าใจเลยครับว่าทำไมถึงเลือกทำอะไรให้คนเล่นรู้สึกชีวิตวุ่นวายขึ้นมา เดินเข้าไปจะเทิร์นเควส หันหน้าคุยกับ npc ตรงๆ ก็ไม่ได้ ต้องเล็งไปให้โดนโต๊ะ เพื่อจะกดส่งเควส หรือบางทีเดินเข้าไปจะคุยเพื่อรับเควสล่ามอนสเตอร์ก็กลายเป็นคุยกับโต๊ะแทน

ไม้ตายของเพื่อนเราเซ็ตได้เพียงแค่ท่าเดียว

เกมนี้เพื่อนเราแต่ละคนจะมีไม้ตายกันรวมๆ ก็คนละ 4-5 ท่า แต่เราสามารถเซ็ตได้แค่ท่าเดียวเท่านั้น

แต่ในระหว่างการต่อสู้หากไม้ตายที่เซ็ตไว้อยู่มันไม่มีประสิทธิภาพกับมอนสเตอร์ชุดนี้ เราก็สามารถกดเข้าเมนูหลัก แล้วสับเปลี่ยนไม้ตายออกเดี๋ยวนั้นได้เลย

เพื่ออะไร?

ทำไมไม่ทำให้เป็นเลือกไม้ตายท่าไหนก็ได้ระหว่างต่อสู้ไปเลย แทนที่คนเล่นจะมีอิสระที่จะปรับเปลี่ยนแผนการตามชนิดของศัตรูได้แบบ on the fly กลับกลายเป็นชีวิตลำบากต้องเข้าเมนูถึงสามชั้น

หรือจริงๆ ทีมงานไม่ได้อยากให้เราทำแบบนี้กัน อยากให้เซ็ตท่าไหนก็ใช้มันแต่ท่านั้นแหละ? อยากให้พร้อมโตเป็นตากล้องถ่ายรูปภาคสนามไปตลอดกาล (มีท่าไม้ตายที่เอาไว้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ) ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นท่าอื่นหรืออย่างไร ไม่ต้องกดทำดาเมจใดๆ ทั้งสิ้น จนจบดันเจี้ยน จะเอาแบบนี้จริงๆ หรือ?

ระบบ quest

FFXV เราสามารถ track quest ได้เพียงเควสเดียวเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือพอเรารับเควสมาเยอะๆ เราจะดูลำบากมากว่าตรงที่กำลังเดินทางไปมีเควสไหนที่จะต้องทำบ้าง

นอกจากนี้ระบบไซด์เควสของ FFXV ยังเป็นเส้นตรงราวกับไม้บรรทัด ยกตัวอย่างเช่นเควสที่ส่งให้เราไปถ่ายรูปจุดแลนด์มาร์คต่างๆ ใน 1 เควสเราอาจจะต้องถ่ายรูปสองรูป สองจุดแล้วนำกลับไปส่งให้กับ npc แต่แทนที่ FFXV จะเปิดโอกาสให้เราเลือกถ่ายรูปจุดไหนก่อนก็ได้ กลับบังคับให้เราต้องไปถ่ายรูปที่จุด A ก่อนแล้วจึงไปจุด B ต่อ

ในขณะเดียวกันตัวอย่างอีกอันที่พบคือ npc ส่งเราไปตรวจสอบเสาที่ชำรุด 3 จุดในแผนที่ ตัวเกมก็จัดการแตกเควสให้เราออกมาเป็นอีก 3 เควสเล็ก ซึ่งอันนี้เราทำอันไหนก่อนก็ได้ พอทำครบหมดทุกอันถึงจะกลับไปเทิร์นเควสอันหลักกับ npc ได้

ผมคิดว่าอาจจะมีข้อจำกัดทางเทคนิคหลายๆ อย่างที่ทีมงานแก้ไม่ทัน หรือไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่แรกมันก็เลยออกมาแบบนี้ คือเควสของ FFXV ทุกเควสจะต้องดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงเท่านั้น แต่ถ้าหากทีมงานอยากจะให้เรามีอิสระทำอันไหนก่อนก็ได้จริงๆ ก็จะยอมแตกเควสออกเป็นอันย่อยๆ ออกมาแทน ทำให้ดูประหลาดๆ

ไซด์เควสที่ขาดการต่อยอดและเล่าเรื่องที่ดี

ต่อเนื้องจากหัวข้อที่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับ UI ตรงๆ เท่าใด

ถ้าหากเคยเล่น The Witcher 3 มาก็จะเข้าใจได้ว่าไซด์เควสที่ดีนักพัฒนาเกมจะเลือกเขียนเรื่องเพิ่มเติมลงไปในเควสย่อยพวกนี้ เพื่อขยายเนื้อเรื่องหลัก หรือเล่าเรื่องอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักไปเลย แต่มีคุณภาพ ที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกเต็มอิ่มหลังจากจบเควสเหล่านั้น

สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ใน FFXV เควสของ FFXV ทำเพียงแค่บอกผู้เล่นให้ไปเก็บของหรือล่ามอนสเตอร์แล้วก็กลับมาส่งกับคนให้เควส อาจะมีอยู่บ้างที่ส่งผู้เล่นออกนอกเส้นทางหลัก เพื่อไปเจอดันเจี้ยนที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลัก แต่มันก็จบอยู่แค่นั้น ไม่ได้มีเควสไหนเลยที่เล่นแล้วรู้สึกเป็นเควสที่มีการเล่าเรื่องที่ดี หรือจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินไปกับเควสได้

end game ดันเจี้ยน

ไม่เกี่ยวกับ UI แต่เป็นเรื่องที่อยากด่า FFXV มีดันเจี้ยนพิเศษอยู่ 8 แห่ง ที่จะเปิดให้เข้าไปเล่นได้หลังจากผู้เล่นผ่านดันเจี้ยนทุกอันในเกมไปแล้วและต้องเคลียเกมก่อน

ก่อนที่ผมจะเล่น FFXV ก็เห็นคนที่เล่นแล้วพูดกันอยู่บ้างว่าเอนด์เกมดันเจี้ยนสนุก และมีคอนเทนที่ดีกว่าตัวเกมหลัก ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูดันเจี้ยนเหล่านี้

แต่สิ่งที่พบหลังจากเล่นไป 5 อันก็คือดันเจี้ยนพิเศษทุกอันมีลักษณะเหมือนกันหมด กล่าวคือเป็นถ้ำที่เมื่อเดินเข้าไป ก็จะเป็นห้องเล็กๆ 1 ห้อง มีศัตรูอยู่ และประตูถัดไปจะไม่เปิดจนกว่าจะฆ่าศัตรูในห้องได้ พอฆ่าได้เราก็เดินไปห้องเล็กๆ ห้องถัดไป ทุกห้องหน้าตาเหมือนกันหมด (เลยเอาท์อาจจะต่างไปบ้างนิดหน่อย) และศัตรูก็จะซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ 1 ดันเจี้ยนอาจจะมีศัตรูอยู่ 5 ชนิด วนกันไปวนกันมา จนกว่าเราจะฝ่าไปถึงตัวบอส

เล่นผ่านไป 5 อัน เลยไปดูยูทูปอีกสามอันที่เหลือก็แค่เปลี่ยนจากถ้ำเป็นโบราณสถานอะไรไม่รู้ แต่ก็เป็นห้องๆ ไร้จินตนาการเหมือนเดิม ก็คงไม่เล่นต่อละ

น่าเสียดายว่าแทนที่จะออกแบบดันเจี้ยน 8 แห่งให้เป็นเอกลักษณ์เพื่อเป็นรางวัลให้กับคนที่อดทนเล่นมาถึงตรงนี้ กลับเลือกทำอะไรมักง่ายออกมาเพียงเพื่อจะบอกว่าเรามี end game content นะ ผมคิดว่านี่ไม่ใช่คำขอบคุณทีมีต่อผู้เล่น(ลูกค้า) ของคุณ แต่นี่มันคือการเผางานแบบหน้าด้าน

สรุป

ผมคิดว่า FFXV เป็นเกมที่ตั้งมาตรฐานไว้สูง คอนเทนโดยรวมสนุก สามารถเล่นได้เรื่อยๆ และมีอะไรหลายอย่างให้ทำอยู่บ้าง แต่กลับมี UI ที่เป็นภาระกับผู้เล่นหลายอย่าง แทนที่ผู้เล่นจะสามารถสนุกไปกับเกมได้อย่างราบลื่น ก็จะมาเจออะไรชวนหงุดหงิดใจอยู่ตลอดเวลา (จริงๆ มีเยอะกว่านี้แต่ หัวข้อที่เลือกมาเขียนนั้นเห็นได้ชัดและขัดใจที่สุดเมื่อเทียบกับอย่างอื่น) กับในช่วงท้ายๆ เกม และ end game มีอาการเผางานอย่างเห็นได้ชัด

คำว่า Unfinished Masterpieces เนี่ยแหละที่อาจจะสมกับตัวเกมที่สุดในตอนนี้แล้ว

Leave a Reply