ปี 2009 กับเกมที่เล่น

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว เลยลองลิสต์ดูว่าปีนี้เราเล่นเกมอะไรไปบ้าง ที่เขียนไว้ก็จะมีแต่เกมที่เล่นจริงจัง ไอ้พวกที่เปิดมาเล่นแปบเดียวแล้วก็ลบทิ้ง หรือไม่ได้เล่นต่อคงจะไม่พูดถึงอะไรเท่าไหร

เกมยอดเยี่ยมประจำใจของปีนี้

  • Dragon Age Origin (PC)

เกมที่ดีผิดคาด

  • Demon’s Soul (PS3)
  • Unchart 2 (PS3)
  • Plant VS Zombie (PC)
  • Batman Arkham Asylum (PC)
  • ผู้กล้า 30 วิ (PSP)

เกมดีที่เล่น แต่ไม่ค่อยมีอะไรประทับใจเป็นพิเศษเท่าไหร

  • Ninja Gaiden Zigma 2 (PS3)
  • God of War Collection (PS3)
  • Patapon 2 (PSP)
  • Redfaction: Guerrilla (PC)
  • The Last Remnant (PC)
  • Warhammer 40k: Dawn of War 2 (PC)

เกมที่ไม่ประทับใจอย่างที่คิด แต่ก็เล่นจบ

  • Call of Duty: Modern Warfare 2 (PC)
  • Biohazard 5 (PS3)
  • H.A.W.X (PC)

เกมในโหลดองที่เพิ่งจะเล่นจบปีนี้

  • Mass Effect (PC)

เกมของปีนี้ที่ยังเล่นไม่จบ

  • โทคิเมคิ 4 (PSP)
  • Tales of Vesperia (PS3)
  • Left 4 Dead 2 (PC) (จบครบ 5 แผนที่ จะถือว่าจบเกมไหม?)

เกมของปีนี้ที่เล่นยังไม่จบและท่าทางจะเล่นไม่จบ (เข้าโหลดองไปเรียบร้อย)

  • Armored Core 3 Portable (PSP)
  • S.T.A.L.K.E.R. Clear sky
  • Final Fantasy XI: Addon2 ตัวหลัง (PC) (ควรจะนับปะเนี่ย? แต่สงสัยจะไม่ได้กลับไปวานาดีลแล้วหละ ไม่งั้นเดียวไม่จบ ป.โท…)

เกมของปีนี้ที่ยังไม่ได้เล่น และคาดว่ามันต้องดีแน่ๆ

  • Final Fantasy XIII (PS3) แหงสิ… เหลือเกมเดียวแล้วนิหว่าปีนี้ อีกไม่กี่วันเดียวก็รู้กัน

 

ดูไปดูมาปีนี้เราก็เล่นเกม PS3  เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

บางเกมมีหลาย platform ครับแต่ที่ผมวงเล็บคือ platform ที่ผมเล่น

 

ตรง เกมที่ไม่ประทับใจอย่างที่คิดไว้เดียวจะมาพูดกันทีหลัง ถ้ามีโอกาส… ว่าทำไม 3 เกมนั้นผมถึงจัดไว้หมวดนั้น

ปล. เปลี่ยนธีมของบล็อกใหม่แล้ว ขยายพื้นที่ content ขึ้นจะได้แปะรูปสะดวกๆ หน่อย
ปล2. สัปดาห์หน้าสอบบบบบบบบบบบบ

 


มีคนบอกให้ประมาณชั่วโมงเล่นมาด้วย เลยมาลองๆ คิดดู

  • Dragon Age Origin ในเพลย์ไทม์ เขียนไว้ 50 ชั่วโมงกว่าๆ แต่คาดว่าจริงๆ แล้ว 70+hr ขึ้น
  • Unchart 2 จบไป 2 รอบรอบนึงน่าจะราวๆ 8-10 ชั่วโมง
  • Demon’s Soul จบไป6 รอบได้ 2รอบแรก จบตอนเล่นบน PSN ฮ่องกง 4รอบถัดมาจบตอน PSN ไทยรวมชั่วโมง น่าจะสัก 40 ชั่วโมงได้ (รอบแรกที่เล่นจะช้าหน่อยเพราะต้องฟาร์มของเยอะ กับลองผิดลองถูกเยอะ แต่พอรู้หลักหมดแล้ว รอบต่อๆ ไปจะแปบเดียวจบ)
  • Plant VS Zombie เล่นจบไปรอบเดียว กับเคลียทุก mini game ไม่รวมเวลาที่นั่งทำงานแล้วเปิดสวนปล่อยหอยทากวิ่งไล่เก็บเหรียญ ก็น่าจะสักราวๆ 5-6 ชั่วโมงมั้ง
  • Batman Arkham Asylum จบไปรอบเดียว กับเคลีย challengeบางส่วน น่าจะรวมๆ 10-12 ชั่วโม
  • Ninja Gaiden Zigma 2 จบรอบเดียว ประมาณว่า 8-10 ชั่วโมง
  • God of War Collection รวม 2 ภาคเล่นไป 17 ชั่วโมง
  • Patapon 2 จบรอบเดียวเล่นแบบ easy ด้วยขี้เกียจนั่งฟาร์มของ รวมๆ น่าจะ 8 ชั่วโมง
  • Redfaction: Guerrilla จบรอบเดียวแบบ รีบๆ เล่นให้จบ ตีไป 8 ชั่วโมง
  • The Last Remnant จำเวลาแน่นอนไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บไซด์เควสครบ ประมาณคร่าวๆ ก็น่าจะสัก 35-40 ชั่วโมง
  • Warhammer 40k: Dawn of War2 campaign หลัก 8 ชั่วโมงไม่น่าเกิน
  • Call of Duty: Modern Warfare 2 เล่นแต่ campaign หลัก 5 ชั่วโมงได้ จบแล้วก็เลิก
  • Biohazard 5 นั่งเล่นทั้งวันทั้งคืนกับน้อง ปั่นๆ ให้มันจบๆไป จำเวลาแน่นอนไม่ได้แต่คิดว่าราวๆ 6-8 ชั่วโมงได้มั้ง
  • H.A.W.X จบรอบเดียวพอ ไม่เห็นค่าอะไรที่จะต้องมาเล่นอีกรอบ ประมาณว่า 5 ชั่วโมง
  • Mass Effect เล่นแต่ main story line คิดว่าไม่เกิน 30 ชั่วโมง

รวมคร่าวๆ ทุกๆ เกมก็ราวๆ 269 ชั่วโมง ถ้าตีเป็นวันก็คือ 11 วันเศษๆ ของทั้งปีจะนั่งเล่นเกมอย่างเดียว

… จำนวนชั่วโมง FFXI ที่เล่นของปีนี้? ไม่ขอนับละกัน…

Dragon Age Origin กับเกม RPG ยุคเก่าๆ

หลายปีแล้วครับ ที่ไม่ได้เล่นเกม RPG ฝรั่ง ที่มีเนื้อหาลึกและจริงจังรวมทั้งรู้สึกว่าตัวเราเองอยู่ในเกมนั้นจริงๆ นับตั้งแต่ Baldur’s Gate 2 (BG2) มา

ว่ากันซื่อๆ ถ้าไม่นับ Dragon Age Origin (DAO) เกมก่อนหน้าอย่าง Never Winter Night 2 (NWN2) ก็ยังตอบโจทย์เกม RPG อย่างที่ผมอยากจะเล่นได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเกมมันไม่ดี แต่เกมมันยังขาดๆ อะไรไปบางอย่าง หรือ NWN ภาคแรกนั้นยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เพราะกลายเป็นเกมที่เราบังคับเพียงแค่ตัวเดียวลุยดันเจี้ยนคนเดียว (ถ้าหากเล่นคนเดียว ไม่ได้เล่น multiplayer กับคนอื่น) ซึ่งมันผิดธรรมชาติของเกมแนว D&D มาก

bgbox

เกม RPG ฝรั่งเกมแรกที่ผมเล่นแล้ว รู้สึกร่วมไปกับตัวเกมจริงๆ ก็เห็นจะไม่พ้น Baldur’s Gate 1 นั่นนะแหละครับ แต่ด้วยความว่าอะไรสักอย่าง… ผมจำได้ว่าเล่นภาคนั้นไม่จบทั้งๆ ที่เล่นจนไปถึงเมือง Baldur’s Gate แล้ว และไม่มีโอกาสได้เล่นภาคเสริมที่ชื่อ Tales of the Sword Coast ด้วย (เกิดไม่ทันยุค Fallout 1,2 ครับ… ขอโทษด้วย)

256px-Planescape-torment-box

แต่ไม่กี่ปีถัดมา ค่าย BlackIsle ก็ได้ปล่อยผลงานระดับ master piece ชิ้นถัดมานั่นคือ Torment ซึ่งเป็นเกมแนว D&D เหมือนกันแต่ยืนพื้นบนโลกPlane Scape แทนที่จะเป็นโลก Forgotten Realm ว่ากันตรงๆ โลก Plane Scape ดูจะมีเสน่ห์มากกว่าโลก Forgotten Realm อีกในความคิดผม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เลยมีเกมนี้เกมเดียวที่ใช้โลก Plane Scape เป็นแบ็กกราวน์

จุดแตกต่างระหว่าง Plane Scape กับ Forgotten Realm ก็คือ Plane Scape จะมีบรรดาตัวละครที่พิลึกพิลั่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแสนดีของตัวเอก (Nameless One) ที่ชื่อ Morte ที่เป็นหัวกะโหลกลอยได้ หรือ หุ่นยนต์ Mordon ที่ใช้หน้าไม้เป็นอาวุธ และบรรดาเมืองในเกมก็ออกจะพิลึกไม่แพ้เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับ Forgotten Realm แล้วก็จะเป็นแฟนตาซี แบบที่ดูจริงจังกว่า และธรรมดากว่าด้วยเช่นกัน

BGIIbox BGIIToBBox

อย่างไรก็ดี เมื่อการเดินทางของเหล่าลูกๆ ของ Baal ใน Tales of the Sword Coast ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด Bioware/Black Isle ก็ได้ปล่อยภาคต่อของ BG อีกครั้งในชื่อ Baldur’s Gate 2: Shadow of Amn และภาคเสริมซึ่งเป็นบทสรุปของการเดินทางในชื่อ Throne of Bhaal แน่นอนว่าดังเป็นพลุแตกในสมัยนั้น ไม่มีเกม RPG เกมไหนที่จะทำเนื้อเรื่องได้อย่าง BG2 แล้ว

แต่ เป็นที่น่าเสียดาย… อย่างยิ่ง เมื่อค่ายแม่ของ Black Isle ในตอนนั้นที่ชื่อ Interplay ดันมีอันเป็นไปซะก่อน ตำนานของ Black Isle ก็เลยจบลงไปด้วย แต่ยังดีที่เหล่าทีมงานของ Black Isle ยังรวมตัวกันใหม่ได้กลายเป็น Obsidian ในเวลาถัดมา ส่วนทางค่าย Bioware เป็นผู้พัฒนาหลักของ Baldur Gate ก็ย้ายไปซบอก Atariให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมแทนอยู่สักพักใหญ่ๆ จนปัจจุบันโดน EA ซื้อไปอย่างที่รู้ๆ กัน (แสรดดด กรูเกลียด EA t= =t)

ในตอนแรกผมเอง ก็เฉยๆ กับ DAO แต่พอได้ยินว่าเกมนี้จะเป็นตัวแทนและเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของ Baldur’s Gate นั่นทำไมผมสนใจ DAO ขึ้นมาทันที

รูปเสีย

Dragon Age Origin เป็นเกม RPG แนว Dark Fantasy (หรือ Fantasy แนวจริงจัง ที่ไม่ได้ขายความโมเอะอย่างการ์ตูน Fantasy ญี่ปุ่นแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพบมาในเกม BG2 นั้นมีอยู่ใน DAO หมด มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเดิมๆ สมัยกราฟฟิค 2 มิติ แต่มันถูกพัฒนาถ่ายทอดออกมาเป็น 3 มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบ NWN เพราะเทคโนโลยี 3D ในตอนนั้นยังมีความสามารถไม่พอที่จะถ่ายทอดอะไรหลายๆ อย่างออกมาได้) และมีเนื้อหาที่จริงจัง เต็มไปด้วยตัวเลือก ทั้งซีเรียส ปนฮา และเลือกไม่ถูก ทางเลือกหลายๆ ทางอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ผู้เล่นมีสิทธิ์เต็มที่ ในการกำหนดทิศทางของตัวเกมในมุมมองของผู้เล่นเองเช่นเดียวกับเกมก่อนหน้านี้ ของ Bioware เอง และตัวเลือกเหล่านี้ที่เราเลือกไปจะมีผลในตอนจบเป็นข้อความบรรยายเหตการณ์ หลังจากนั้นว่าใครทำอะไรต่อ และเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รูปเสีย

ซึ่งผมพบว่าตอนจบที่ ผมเล่น มันไม่ได้สวยหรูไปทุกอย่างอย่างที่ผมคาด หรือมุมมองของผู้เล่นที่อยากจะเล่นเป็นคนดี (เล่นรอบแรกขอเล่นเป็นคนดีไว้ก่อนครับ… รอบสอง รอบสาม ถ้ามีโอกาสจะเล่นชั่วแค่ไหนเดียวค่อยว่ากัน) แก้ปัญหาทุกอย่างตามมุมมองของคนดีแต่ปัญหาบางอย่างกลับเลวร้ายกว่าเดิม

หรือ ตัวละครบางตัวที่ในสายตาตอนแรกมันเป็นคนที่น่าฆ่าทิ้งมากๆ… แต่เมื่อเล่นๆ ไปกลับพบว่ามุมมองของตัวละครตัวนี้ มีอะไรบางอย่าง ที่เราไม่คาดคิด (แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวในเกมจะเป็นแบบนี้)

เช่น เดียวกับ BG2 ในตอนจบที่สรุปเรื่องราวของพวกเราแต่ละคนหลังจากจบเกม หลายๆ คนเรื่องราวก็จบไม่สวยเท่าไหร่ แต่มันก็ดูมีเหตุผล และจริงจังในตัวของมันเอง

ทั้ง นี้ทั้งนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับผู้เขียนบทต่างๆ ที่ใส่ตัวเลือกมาให้เรามากมาย แม้ว่าหลายๆ ตัวเลือกจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน แต่มันช่วยสร้างความรู้สึกได้ว่า เราเป็นตัวละครในเกมจริงๆ เราเป็นผู้ตอบคำถามจริงๆ (ไม่ใช่ Yes No Ok อย่างเกมอื่นๆ)

ปล. ตัวละครตัวที่ผมชอบมาใน DAO คือ Shale ครับ

รูปเสีย

Shale เป็นโกเลม (สปอยเล็กน้อย) แต่ถ้าเป็นโกเลมที่ไร้อารมณ์ เชื่อฟังเจ้านายทุกอย่าง อย่างที่มันควรจะเป็น ก็คงจืดชืดไปหน่อยคนแต่งบทเลยจัดแจงใหม่

กลายเป็น โกเลม เจ้าอารมณ์ ที่เกลียดนก และสัตว์มีปีกทุกชนิดเป็นชีวิตจิตใจ

เพราะหลายปีที่ต้องยืนนิ่งๆ ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ในหมู่บ้านเพราะโดนเจ้านายคนเก่าปิดการทำงานเอาไว้

ชาวบ้านชอบเอาอาหารนกมาโปรยไว้ใกล้ๆ Shale

นก ก็เลยขี้รด Shale มาตลอด… ก็เลยเป็นโกเลมที่เกลียดนกเข้าไส้… จนเข้าขั้นจิตตก ได้ยินเสียงนกร้องเป็นไม่ได้ ต้องหันควับไปหา … และเหยียบทิ้ง

รูปเสีย

และยังชอบบดขยี้สิ่งมีชีวิตด้วยความสะใจในอารมณ์

แถมท้าย

ชุด Collector ของ Baldur’s Gate 2

IMAG0007

IMAG0008

เทียบกะชุด Collector ของ Dragon Age Origin

IMAG0004

… ความขลังต่างกันเห็นๆ เลยฟระ orz ทำไมเกมสมัยนี้ชอบให้เป็น digital content กันจังวะ

Demon’s Soul

Demon’s Soul เป็นเกมแนว ActionRPG จากค่าย From Software ซึ่งถึงแม้ว่าระยะหลังนี้ เราจะเห็นแต่เกมหุ่นยนต์จากค่ายนี้ (ArmoredCore Series, ACE etc.) แต่จริงๆ แล้วค่าย Fromsoft เองยังมีซีรี่ย์เกม RPG เป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน คือ King Field

ซึ่งจุดร่วมอย่างนึงของทุกเกมจากค่ายนี้ก็คือ ไม่เคยอธิบายเนื้อเรื่องไว้ชัดเจน หรือชอบให้คนเล่นไปนั่งคิดเนื้อเรื่้องต่อกันเองนั่นแล

และ แต่ละเกมก็มักจะหยิบยืมสิ่งต่างๆ จากอีกเกมมาใส่ไว้ในอีกเกม เช่นดาบ Moonlight ที่มีในเกือบทุกเกม (King Field, Armored Core, Demon’s Soul)

เนื้อเรื่องของ Demon’s Soul กล่าวไว้ว่า
นานมาแล้ว
เหล่าผู้คนที่รวมโลกเป็นหนึ่งด้วยพลังแห่งวิญญาณ ได้ปลุก “Old One” ด้วย Old One ได้นำพาหมอกไร้สี และฝูงปีศาจ, กว่าครึ่งโลกแ ขี้เกียจเขียนแล้ว หาอ่านกันเองนะ

Official Guide ที่ให้มารายละเอียดครบมากครับ มีทุกอย่างที่ควรจะมี
แต่ปก กับ กระดาษก็ห่วยมากเช่นกัน… ใช้งานได้แค่วันเดียว ปกก็สีลอกจากการโดนเหงื่อกัดแล้วแล้ว… เลยต้องรีบเอาไปห่อปกพลาสติก ก่อนมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้
ในขณะที่ Art Book ที่ให้มา ภาพก็สวยอยู่ แต่น่าจะมีเยอะกว่านี้หน่อย จริงๆ คือน่าจะให้ใส่ลงกล่องได้ด้วย ไม่น่าให้แยกออกมาจากตัวกล่องแบบนี้

Logitech – G19 Gaming Keyboard

จากเอนทรี่นู้น….

https://arvinman.me/archives/50

ดองไว้นาน… จริงๆ ถ่ายรูปไว้หมดแล้วนะ แต่ไม่ได้เขียนสักที

g19

ก็เอามาเล่นๆ สนุกดีครับ คีย์บอร์ดตัวนี้ ตัว LCD มันเองก็คิดๆ ไว้บ้างแล้วว่าจะเอาไปทำอะไรดี แต่ยังไม่มีเวลาที่จะไปเขียนโปรแกรมมาใช้

ปุ่มมาโครหายไป 6 ปุ่มถ้าเทียบกับ G15(เก่า) หรือ 13 แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใช้แต่อย่างใด เมื่อเถียบกับ G15(ใหม่) ที่มาโครเหลือเพียง 6 ปุ่มซึ่งดูจะน้อย ไม่พอกินไปนิด

g19_rgb

ลูกเล่นอีกอย่างที่ขำๆ ก็คือเปลี่ยนสีของไฟได้เหมือน G13 ใครชอบสีอะไรก็ตามใจชอบเลยครับ และเปลี่ยนสีแยกตาม macro set ได้อีก

 

แต่ทีเด็ดของมันก็คือ LCD เนี่ยแหละครับทำอะไรได้หลายอย่างดี แต่ก็ขึ้นกับว่าจะมีโปรแกรมมาซัพพอร์ทเยอะแค่ไหนด้วยเหมือนกัน

g19_lcd

แต่เกมในปัจจุบันที่รองรับ LCD ของ G13/G15 ก็ใช้กับ G19 ได้เหมือนกันครับ

g19_lcd2

g19_lcd3

g19_lcd4

g19_lcd5

ตัวอย่างการใช้งานร่วมกับ Windows Media Player ผ่านทาง Windows SideShow ของ Vista/7 (รูปอัลบั้มไม่ขึ้นซะงั้น)

 

g19_youtube

ดูยูทูเบ้ได้ด้วย!

ตอนนี้ก็คงต้องอีกสักพักใหญ่ๆ ครับ กว่าจะมีโปรแกรมที่ทำมาสำหรับ G19 โดยเฉพาะมาให้ใช้เพิ่มขึ้น ณ. ตอนนี้ก็เหมือนเป็นส่วนที่่ใช้อะไรไม่ค่อยได้อยู่ แต่ถ้ามั่นใจว่าฝีมือแกร่งกล้าพอจะเขียนโปรแกรมมาใช้เองก็ไม่ว่ากันครับ

อีกอย่างที่น่าสนใจคือไดรเวอร์ตัวหลังๆของคียบอร์ดตระกูลนี้สามารถเขียน LUA Script ใส่ลงมาโครได้แล้ว แต่พูดก็พูดครับ ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอา LUA script ไปใช้ยังไงดี ถ้าไม่นั่งลองเล่นส่วนนี้จริงๆ สงสัยจะไม่มีทางรู้

ใครที่สนใจเจ้านี่ ตอนนี้ก็อาจจะหายากสักนิดนึงในเมืองไทยเพราะเข้ามาน้อยมาก ลองสอบถามเอาจากร้านดูกันเองละกันนะครับ

Full set Homam

blu1

เมื่อวานในที่สุดก็ได้ Homam ครบ 5 ชิ้นแล้ว เลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย *-*

blu2

แต่จริงๆแล้ว บลูเมจผม จะไม่ได้ใช้หัวกับตัว Homam หรอก จะใช้ชุดนี้เป็นชุดลุยหลักมากกว่า

ย้อนรอย 25 ปี MechWarrior (BattleTech)

เชื่อว่าหลายคนที่เคยเล่น MechWarrior มาอาจจะไม่รู้แบ๊กกราวน์ของซีรี่ยนี้ดีนัก เพราะตัวเกมในแต่ละภาคนั้น มักจะโฟกัสไปที่สมรภูมิได สมรภูมิหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงภาพรวมของจักรวาล BattleTech และ ไหนๆ ก็ไหนๆ เนื่องในโอกาสที่ MechWarrior ภาคใหม่ล่าสุด ได้เปิดตัว Trailer ไปแล้ว เลยถือโอกาศมาเล่ากันสักหน่อยว่า MechWarrior หรือ BattleTech นั้นคืออะไร

 

BattleTech

250px-FASA_Logo
BattleTech เป็นเกมกระดาน Wargame แบบตาราง 6 เหลี่ยมและ นิยายแนวไซไฟ  โดยบริษัท FASA Corps. ถือกำเนิดในปี1984 ปีนี้ก็ครบ 25 ปีพอดี (เกิดหลัง WarHammer 1 ปี) โดยเริ่มแรกนั้นชื่อ BattleDroid แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นชื่อ BattleTech เนื่องด้วยในขณะนั้น LucasArt ถือสิทธิ์ของคำว่า Droid อยู่ และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้เล่น จนมี expansion pack ออกตามมาทีหลังมากมาย รวมทั้ง เทรดดิ้งการ์ด และ เกมคอมพิวเตอร์ ต่างๆ

madcatMkII
Mad Cat MkII รุ่นพัฒนาจาก Mad Cat หุ่นมาสค็อตประจำ BattleTech

ในยุคแรกๆ ของ BattleTech จะมีหุ่นอยู่จำนวนนึง ซึ่งก็อปปี้ดีไซน์ของมาครอสมา และอนิเมเรื่องอื่นๆ (กว่ามาครอสจะเข้าอเมริกาอย่างเป็นทางการในชื่อ Robotech ก็เป็นเวลา 1 ปีให้หลังหลังจาก BattleTech ออกวางขายไปแล้ว) ทำให้ในเวลาต่อมาเกิดกรณีฟ้องร้องกันโดยเริ่มจากบริษัท การที่ FASA ฟ้อง Playmates ในข้อหา นำรูปภาพหุ่นยนต์ของ FASA ไปใช้โดยไม่ขออนุญาติ แต่นั่นทำให้ Playmates ฟ้อง FASA กลับว่า FASA เองก็นำเอารูปหุ่นยนต์มาจาก มาครอสเหมือนกัน

scr_title200scr_foundship200
ภาพจาก BattleTech:The Cresent Hawk เกมคอมพิวเตอร์เกมแรกสุดของ BattleTech (หน้าตาหุ่น ดูคุ้นๆ เนอะ)

ในเวลาต่อมา FASA จึงได้ตัดสินใจ วาดภาพหุ่นที่ลอกดีไซน์มาจากของคนอื่นใหม่ทั้งหมด หรือตัดหุ่นตัวนั้นๆ ทิ้งไปเลย และดีไซน์เดิมหรือดีไซน์ที่ลอกมา ให้จัดเป็น “Unseen” ไป เพื่อลดปัญหาช่องทางการโดนโจมตีจากบริษัทต่างๆ จนเมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน 2552 หรือเดือนที่ผ่านมา ทาง Catalyst Game Labs ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิ์ของ BattleTech ในปัจจุบัน ได้จัดการเรื่องสิทธิ์ต่างๆ เรียบร้อยทำให้เหล่า “Unseen” สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง

191px-Loki191px-3025_warhammer
ซ้าย:Hellbringe(Loki)
ขวา:Warhammer
2ตัวที่เข้าใจว่ามาจาก Destroy – Tomahawk ของ มาครอส

ทางด้านผู้ถือสิทธิ์ของ BattleTech เองก็มีประวัติน่าปวดหัวไม่ใช่น้อยเช่นกัน เพราะมีการเปลี่ยนมือไปมามาก เมื่อ MechWarrior 1 และ 2 Activision เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการทำเกม แต่ MechWarrior 3 และ MechCommander กลายเป็นของ Micropose หลังจากนั้น FASA โดน ไมโครซอฟท์ ซื้อไป ทำให้ ไมโครซอฟ มีสิทธิ์ในการทำเกม MechWarrior 4 และ MechCommander 2 แต่สิทธิ์ของ paper & pen ยังเป็นของ FASA อยู่

ปี 2000 Jordan Wiseman 1 ใน 2 ผู้ก่อตั้ง FASA ได้แยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ WizKid ที่เน้นการทำ Miniatures เกมต่างๆ (ที่เห็นดังๆ ในบ้านเราพักนึงก็ Mage Knight จาก WizKid เนี่ยแหละ) แต่ในภายหลัง WizKid ก็ถูก Topps ซื้อไป ในปี 2003 และปิดตัวลงในปี 20008

ปี 2001 FASA ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการและเกิดการโย้กย้ายลิขสิทธิ์ที่ FASA ถืออยู่กันอย่างวุ่นวาย BattleTech paper & pen ตกไปอยู่ในมือของ WizKid ซึ่งในภายหลัง WizKid ขายสิทธิ์ของ BattleTech ให้กับ FanPro LLC และ Catalyst Game Labs. ในเวลาต่อมา แต่ลิขสิทธิ์ของ MechWarrior ยังคงเป็นของไมโครซอฟท์อยู่ ซึ่งไมโครซอฟท์ ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรกับ MechWarrior ต่อ จนเมื่อปี 2007 Jordan ได้ตั้งบริษัทใหม่ Smith & Tinker และประกาศว่า Smith & Tinker ได้สิทธิในการทำเกม MechWarrior จากไมโครซอฟกลับคืนมาบางส่วนแล้ว

256px-MechWarrior_2_cover256px-MechWarrior_2_GBL_cover256px-MechWarrior_2_Merc_cover

MechWarrior 2 ภาคที่ดังเป็นพลุแตก
Ghost Bear Legacy ภาคเสริมของ MW2
และ Mercenaries ภาค Stand alone ที่ใช้เอนจิ้นของภาค 2 ปรับปรุงใหม่ เป็น 1 ในภาคที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดของซีรี่ย์

สรุปเนื้อเรื่องคร่าวๆ

BattleTech ดำเนินเรื่องใน ปลายศตวรรต ที่ 20 จนถึงศตวรรตที่ 31 ว่าด้วยเรื่องของการเมือง สังคม เทคโนโลยี และการขยายตัวออกสู่นอกโลกไปยังดวงดาวต่าง ๆ โดยมี มนุษย์ เป็นเพียงเผ่าพันธ์อันทรงภูมิปัญญาเพียงเผ่าเดียวในจักรวาลของ BattleTech เท่านั้น แตกต่างออกไปจากนิยาย/เกม ไซไฟอวกาศในขณะนั้นที่ไม่ได้มีมนุษย์เพียงเผ่าพันธุ์เดียว (เช่น StarWars, WarHammer40k, StarTrek etc.)

สงครามใน BattleTech นั้น นอกจากรถถังและเครื่องบิน ยังมีเหล่ารถถังเดิน 2 ขา หรือหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ ที่ถูกเรียกว่า BattleMech โดยมีเหล่านักบินในชื่อเรียก MechWarrior เป็นผู้บังคับ ซึ่งมักจะเป็นกุญแจสำคัญในสงครามต่างๆ

The Inner Sphere

ในปี 2020 มีการวิจัยของเตาปฎิกรสำหรับ ยานอวกาศ ขนาดใหญ่โดยนักวิทยศาสตร์สองคน Thomas Kerny และ Takayoshi Fuchida  ต่อมาในปี 2027 ยานอวกาศที่ใช้เตาปฏิกรตัวนี้ Columbia ได้ออกเดินทางถึงดาวอังคารสำเร็จอันเป็นประวัติศาตร์ครั้งสำคัญของมนุษยชาติ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการขยายอนานิคมออกสู่นอกโลก

BT_Col

ปี 2102 นักวิทย์ศาสตร์ให้ความสนใจกับทฤษฎี pan-dimension gravitional mathematics ที่ 2 นักวิทยศาสตร์ Kerny และ Fuchida ได้ทิ้งเอาไว้ จนก่อกำเนิดเป็น ยานอวกาศลำแรกที่เดินทางเร็วกว่าแสงขึ้นมาภายใต้ Deimos Project โดยการสร้างประตูมิติ Space warp ทำให้ยานอวกาศสามารถทำการ Jump ได้ไกลถึง 30ปีแสง หลังจากนั้นปี 2108 Terra หรือโลก ก็ได้ส่ง JumpShip ลำแรกออกเดินทางระหว่าง Terra และ Tau Ceti System และอนานิคมแห่งแรกก็ถูกวางรกรากในดาว Ceti IV ในปี 2116

ความสามารถของการเดินทางระหว่างดวงดาวต่างๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้นทำให้เกิดการขยายอนานิคมไปสู่ดวงดาวต่างๆ อย่างรวดเร็ว ในปี 2235 กลุ่มพันธมิตรได้ทำการสำรวจดวงดาวต่างๆ และพบว่ามีมากกว่า 600 อนานิคม ที่มนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานไว้ กระจายตัวกันวัดเส้นผ่านศูนย์กลางาได้ 80 ปีแสง และนั่นคือการกำเนิด Inner Sphere

แต่การขยายตัวที่รวดเร็วนั้นแฝงไปด้วยอันตรายจากการที่ไม่สามารถควบคุมอณานิคมที่อยู่ไกลออกไปจาก Terra ได้ทำให้หลายๆ อณานิคมพยายามจะประกาศตัวเป็นอิสระ บางอณานิคมก็ทำตัวเป็นกองโจรต่างๆ จนในที่สุดมีการรวบรวมกองกำลังเข้าด้วยกันก่อกำเนิดเป็น Star League ขึ้นมา เพื่อรักษาความสงบของ Inner Sphere

แต่ Star League เองใช่ว่าจะอยู่ยั่งยืน ปี 2751 Simon Cameron ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้น ตายอย่างกระทันหัน Richard Cameron ผู้เป็นลูกจึงขาดที่ปรึกษาและอาจารย์ Stefan Amaris 1 ใน ruler จึงได้เข้ามาแทนที่ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อ Richard แต่นั่นเป็นเพียงหน้ากากบังหน้าเท่านั้น

ปี 2766 เกิดกบฎภายในขึ้นมา Amaris สังหาร Richard และยึดครอง Star League สำเร็จ แต่ไม่สามารถโน้มน้าว Aleksandr Kerensky ที่สังกัดหัวหน้าหน่วย Star League Defense Forces ให้เข้าเป็นพวกได้ เวลาต่อมา Kerensky และหน่วยรบของเขา ก็เข้าทำสงครามกับ Amaris เป็นเวลา 15 ปีจึงสามารถหยุดยั้งความบ้าคลั่งของ Amaris เป็นสำเร็จ และ Amaris กับคนสนิท รวมทั้งครอบครัว ถูกประหารในเวลาต่อมา

ปี 2780 Kerensky ถูกปลดจากตำแหน่งโดยสภา และสั่งให้สลาย SLDF เพื่อให้พักพ่อน แต่เหล่าผู้มีอำนาจที่เหลือต่างก็ต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำ Star League แทนผู้นำคนเก่าที่ตายไป ทำให้ สภาถูกยุบลงในเวลาต่อมา และเหล่าผู้นำ ต่างกลับบ้านเกิดของตัวเอง รวบรวมกำลังต่อสู้กันเองอีกครั้งเพื่อแย่งชิงอำนาจ และหวังที่จะรวบรวม Inner Sphere กลับเข้าเป็น Star League โดยมีตัวเองเป็นผู้นำ

The Clans

Kerensky ผู้ซึ่งเป็นฮีโร่จากสงคราม และหน่วย SLDF เก่าของเขา ถูกทาบถามจากเหล่าผู้นำต่างๆ ให้เข้าร่วมกับฝ่ายนั้นๆ แต่ Kerensky ไม่ต้องการเข้ากับฝ่ายใด และเลือกที่จะออกเดินทาง ไปตั้งสังคมแห่งใหม่ ในที่ๆ ไกลออกไป ไกลจาก Terra บ้านเกิดของมนุษย์ เพื่อสร้างสังคมในอุดมคติ ดังนั้น Kerensky กับผู้ที่ศรัทธาในตัวเขา และเกือบ 80% ของ SLDF ได้รวมตัวกันอพยพออกไปสู่ อวกาศอันไกลโพ้น ในปี 2784

เมื่อปราศจากระเบียบและขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน เหล่า Inner sphere ที่เหลือจึงเข้าต่อสู้กันเองและผลพวงจากสงครามต่างๆ ทำให้ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากสมัย Star League ค่อยๆ สูญสลายไป เหลือเพียงแต่เทคโนโลยีที่ใช้ในการต่อสู้กัน แม้แต่หน่วย SDLF ที่ยังคงเหลืออยู่ก็ไม่รอดพ้นจากกระแสไปได้ ต่างคนต่างลืมปณิธานเดิมของ SDLF เหลือเพียงแต่ความป่าเถื่อนเข้าห้ำหั่นกัน

จนกระทั่งปี 3049 มีผู้เข้าปะทะกับกองกำลังปริศนาที่ไม่ทราบที่มา ในบริเวณสุดขอบ Inner Sphere ระหว่างล่าเหล่าโจรสลัด และพ่ายแพ้อย่างยับเยิน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครสามารถระบุที่มาของกองกำลังที่พวกเขาพบเจอด้วย

clan_invasion

หลายเดือนถัดมา ในปี 3050 เมื่อกองกำลังปริศนาเหล่านั้นค่อยๆ รุกคืบคลานเข้ามายัง Inner Sphere และยึดดวงดาวบางส่วนไปได้ นั่นทำให้ Inner Sphere ได้รู้จักกับ Clans และทราบว่าพวกเขาเหล่านั้นคือเหล่าลูกหลานและผู้ที่ศรัทธาในตัว Kerensky ที่ได้อพยพออกไปจาก Inner Sphere เมื่อ 270 ปีที่แล้ว Clans ซึ่งจุดประสงค์สุดท้ายของเหล่า Clans คือการกลับเข้าสู่ Inner Sphere เพื่อสร้างยุคสมัยที่เหมือนกับ Star League อีกครั้ง

3052
แผนที่แสดงการปกครองของฝ่ายต่างๆในปี 3052

 

ขอจบเนื้อเรื่องคร่าวๆ ที่เรียกกันว่า Classic BattleTech ไว้เท่านี้ครับ ที่จริงแล้วมันยาวต่อไปจนถึงปี 3067 แต่ขอหยุดไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า นอกจาก Classic Era แล้วช่วงที่ WizKid ถือสิทธิ์อยู่ได้มีเนื้อเรื่องในอีก 80 ปีหลังจาก 3067 ที่เรียกว่า Dark Era อีกอันเป็นไลน์ใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึง Battle Tech Universe ได้ง่าย แต่เนื้อเรื่องในยุคของ Dark Era นั้นยังไม่เคยโดนเอามาทำเป็นเกมเลยสักกะภาคครับ และภาคใหม่ที่จะออกนี้ ดันย้อนกลับไปปี 3015 ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องก่อน Clan Invasion ด้วย นั้นแปลว่าเราคงจะไม่ได้เห็นหุ่นมาสค็อตอย่าง Timber Wolf (MadCat) ในภาค 3015 นี้แหงๆ เลย ; ;

 

reference: Classic BattleTech Universe
http://www.classicgaming.cc
http://en.wikipedia.org/
http://www.sarna.net/wiki/