MechWarrior5 เกมเพลย์เทรลเลอร์!!!!!!!

นึกว่าจะไม่ได้เห็นเกมนี้อีกแล้วนะเนี่ย

อยู่ดีๆ ก็โพสเทรลเลอร์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยลงตามสื่อ internet

เห็นว่าพรุ่งนี้ถึงจะเป็นการสัมภาษณ์ producer ของเกม

อย่างน้อยๆ ก็เป็นที่น่ายินดีว่าซีรี่ย์นี้ยังไม่ตายครับ และครั้งนี้มันจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านๆมาแน่นอน

Mini Review – Logitech G35 เฮดเซทสำหรับเกมเมอร์

จากเอนทรี่คราวที่แล้ว Mini Review – Razer Mamba  วันนี้เรามาพูดกันต่อถึงตัว G35 ครับ

Logitech เองมีสิ้นค้าในกลุ่มสำหรับเล่นเกมอยู่มากมาย ซึ่งในนั้นจะมีสิ้นค้าที่ถูกเรียกว่าสำหรับ PC Hardcore Gamer อยู่จำนวนหนึ่ง โดยจะตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยตัว G เสมอ และตามด้วยเลขรหัส ซึ่งจริงๆ ผมว่าการตั้งชื่อสิ้นค้าเป็นเลขรหัสแบบนี้ชวนปวดหัวอยู่เหมือนกัน เพราะบางทีเรียกลอยๆ ขึ้นมาใครจะไปจำได้ว่ารหัสไหนหน้าตาเป็นยังไงครบทุกรุ่น แต่ดูท่าทาง logitech เองก็มีหลักการตั้งชื่ออยู่เล็กน้อยครับ

  • เลขตัวเดียวคือ เมาส์ เช่น G5, G7, G9 และ ตัวล่าสุดชื่อ G9x
  • ในกลุ่มคีย์บอร์ด จะใช้ช่วง 10 ถึง 20 เช่น G11, G13, G15 และน้องใหม่ล่าสุด G19
  • ชุดพวงมาลัยสำหรับเล่นเกมขับรถจะใช้หลัก 20 คือ G25
  • กลุ่มเครื่องเสียงจะอยู่ในหลัก 30 คือ G35

นอกจากนี้ยังมีชุด Joystick HOTAS ที่ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการในเลขหลักร้อยขึ้นไป คือ G940 อีกหนึ่งตัว

ซึ่งจริงๆ แล้วถึงแต่ละตัวจะถูกเรียกว่าสำหรับ Hardcore Gamer แล้ว… เอาเข้าจริงๆ หลายๆ ชิ้นเอาไปใช้ทำงานได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ เช่นกลุ่มตระกูลคียบอร์ด ซึ่งทุกตัวสามารถเขียนมาโครได้ ผมเองก็ใช้ G15 ทำงานโดยการกำหนดมาโครต่างๆ ไว้บนตัวคียบอร์ด รวมถึง (เท่ห์นะครับ กดปุ่มเดียว มีโค้ดเด้งออกมา 3 บรรทัด)

และแน่นอนครับ.. ไอ้สิ้นค้าที่ถูกเรียกว่าสำหรับ Hardcore Gamer นั้น ราคาไม่ค่อยจะน่ารักเลยสักกะชิ้น…เจ้า G35 มีราคาค่าตัวนั้นเกือบเลข 5 (ซึ่งราคายังน่ารักว่า ฉลาม Megalodon ของ Razerที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้เอง ใครจับจองเป็นเจ้าของกันแล้ว เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับว่าเป็นยังไงบ้าง)

 

ก่อนจะพูดถึง ตัว G35 ผมจะขอพูดถึงความสำคัญของเฮทเซทกันเล็กน้อย

เฮทเซท ที่ผมพูดถึง ก็คือ เฮทโฟน ที่มี ไมค์ ติดนั่นแหละครับ

หากว่าคุณๆ ทั้งหลาย เล่นเกมที่ต้องแข่งขันกันเป็นชีวิตจิตใจ หรือเกมที่ต้องอาศัยการทำงานกันเป็นทีมบ่อยๆแล้ว เฮทเซท จัดเป็น 1 ในศาสตราเทพ ที่ขาดไม่ได้ครับ

ลองนึกภาพตามนะครับ เกมที่เล่นมัลติเพลยเยอร์ โดยไม่ใช้เฮทเซทกัน

สมมุติว่า เกมที่คุณเล่นเป็น FPS และคุณเห็นศัตรูกระโจนเข้าใส่มุมอับของเพื่อน ซึ่งเพื่อนคุณไม่มีทางมองเห็นแน่ๆ ถ้าคุณไม่ใช่ไมค์ในการสื่อสารแล้วคุณจะทำยังไง?

พยายามยิงช่วยเหลือสิครับ แต่ถ้าสถานะการมันไม่เอื้ออำนวยละ? ตอนนั้นมันอาจจะวิกฤติสุดๆ แล้ว อารมณ์ว่าตัวคุณเองก็จะรอดมิรอดแหล่ แล้วคุณจะทำยังไงให้เพื่อนรู้ตัว

….ก็ต้องพิมพ์บอก… แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ในเกมที่รวดเร็วแบบนี้

หรือ ภาวนาให้เพื่อนคุณหันมามองพอดี…

แต่ถ้ามีไมค์ ก็ง่ายนิดเดียว… ตะโกนลั่นบ้านเลยครับ

ที่พูดมาเป็นประสบการณ์ตรงจากการเล่น Left 4 Dead กับเพื่อนอีก 3 คนในระดับยาก โดยทุกคนใช้เฮทเซท หรือ หูฟังและไมค์ กันหมด เกมการเล่นค่อนข้างลื่นไหลมากครับ มีอะไรก็เอะอะโวยวายลั่นบ้านกันทุกคนเพราะเกมนี้มีแอกชั่นที่รวดเร็วมาก การสื่อสารด้วยการพิมพ์มันไม่ทันการแน่ๆ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ แหกปากกันเข้าไป ใครพบ ใครเจออะไร ก็พูดๆ ออกมา (จนเพื่อนผมคนนึงบอกว่า หลังเลิกเล่นแล้ว โดนที่บ้านด่าครับ ว่าแหกปากโวยวายเสียงดังลั่นบ้านมาก)

ทีนี้ทำไมต้องเป็นเฮทเซท? ถ้าต้องการแค่ไมค์ ไปซื้อไมค์ถูกๆ มาเสียบใช้เลยก็ได้ไม่ใช่รือ? ลำโพงก็มีอยู่แล้ว

การเล่นเกมลักษณะนี้ หากจะพูดคุยกันแล้ว เฮทเซท เป็นทางออกสถานเดียวครับ เพราะว่าหากใช้ไมค์ คู่กับลำโพงแล้ว รับรองว่า เสียงจะตีกันวุ่นวาย จนแทนที่จะคุยกันรู้เรื่อง กลับทำให้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมอีกครับ หรือบางคนอาจจะบอกว่าปิดเสียงไปเล่นไปก็ได้ แต่กับเกมหลายๆเกม เสียง เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการเตือนภัยอันตรายต่างๆ ดังนั้นการปิดเสียงเล่นเกม ก็เหมือนประสาทสัมผัสเราพิการไปอย่างนึงแล้วนั่นเอง จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

แต่จริงๆ แล้วเฮทเซท ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไป ในเกม MMO อย่าง Final Fantasy XI หรือ World of Warcraft นั้นผมใช้แค่ไมค์ลอย แล้วตั้งให้เป็น push to talk เอา (คือไมค์จะทำงานก็ต่อเมื่อเรากดปุ่มใด ปุ่มหนึ่งที่กำหนดไว้เท่านั้น) ก็ สื่อสารกันรู้เรื่องแล้ว ซึ่งเสียงของทั้งสองเกม ก็ไม่ใช่ factor หลักในการเอาตัวรอดนัก

แต่การตั้ง push to talk นั้นจะลำบากตรงที่ ปุ่มที่กำหนดไว้ต้องเป็นปุ่มที่เอื้อมไปกดได้ง่าย โดยไม่ทำให้การควบคุมตัวละครสะดุด นั่นถึงจะเป็นปุ่ม push to talk ที่ดี ซึ่งอันนี้ก็ต้องเทคนิกใครเทคนิกมันแล้วว่าจะตั้งกันยังไง

 

….พล่ามนอกเรื่องไปมากแล้ว กลับมาเข้าเรื่องเรากันดีกว่า ( ‘ ‘)

บอกก่อนเลยนะครับ G35 นี้ใช้ได้กับ PC เท่านั้นนะ เพราะหัวต่อเป็น USB ซึ่งรองรับทั้ง Windows และ OSX และจะต้องลงไดรเวอร์ของ เฮทเซท ด้วยหากต้องการใช้ฟีเจอร์บางอย่าง นั่นแปลว่า PC ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดเสียงระดับเทพๆ ขอเพียงมีเฮทโฟนตัวนี้ เท่านั้นก็พอแล้วครับ แต่ในทางตรงกันข้าม หากมีการ์ดเสียงอย่าง X-Fi อยู่แล้ว เมื่อใช้ G35 ตัว X-Fi ก็จะไม่มีประโยชน์เลยครับ เพราะ G35 ทำหน้าที่เป็นการ์ดเสียงในตัวด้วย

IMAG0146

IMAG0151

ตัวแพ๊กเกจ นอกจากแผ่นไดรเวอร์ และตัว เฮทเซท นั้นยังให้แผ่นรองหัวมาเปลี่ยนอีก 2 ขนาดด้วยกัน ให้เลือกไซส์ได้ตามใจชอบ

 

IMAG0153

ที่ด้านซ้าย จะมีปุ่ม G1-G3 อยู่ ซึ่งปุ่มเหล่านี้เราไปตั้งค่าได้ ว่าจะให้ทำอะไรบ้างเช่นการเพิ่มลดเสียง หรือเปิดโปรแกรม หรืออื่นๆ (แต่ไม่สามารถเขียนมาโครได้นะครับ) และปุ่ม mute ไมค์ กับล้อหมุนปรับระดับเสียง อีก 1 ตัว

นอกจากนี้ตรงบริเวณด้านหลังของไดรเวอร์ด้านซ้ายจะมีสวิทช์อีก 1 ตัวเอาไว้เปิดโหมด surround sound หรือ 2 speaker ธรรมดา

ตัวไมค์ สามารถโค้งงอได้เล็กน้อย และ พับเก็บขึ้นไปได้และเราตั้งค่าได้ด้วยว่าหากไมค์ไม่เปิดใช้งานจะให้ไฟ LED สว่างขึ้นเพื่อเตือนให้เรารู้หรือไม่

 

G35CP2

หน้าจอไดรเวอร์

ไอ้ด้านล่างซ้าย Voice Morphing นั่นเป็น gimmick เล็กๆ น้อยของเฮทเซทตัวนี้

หน้าที่ของมันคือการแปลงเสียงของเราไปเป็นเสียง มิวแทน เสียงแอนดรอย์  ฯลฯ ซึ่งผมว่าเอาไปใช้งานจริงคงไม่ค่อยเวิร์คครับ… แต่ถ้าเอาไปเล่น โรลเพลย์ น่าจะเข้าทางกว่า

การใช้งานจริงในด้านเล่นเกม น่าพอใจมากครับ ทิศทางของเสียง ค่อนข้างชัดเจนว่ามาจากทางไหน รวมถึงไมค์ ที่ใช้คุยกันได้ดีเยี่ยม หรือหากไม่ต้องการใช้ไมค์ ตัวไมค์เองก็พับเก็บซ่อนได้ค่อนข้างเนียนไม่เกะกะสายตา

แต่ทางด้านการฟังเพลงนั้น ผมคิดว่า G35 ทำได้แค่เสมอตัวแค่นั้นครับ คือถ้าคิดจะซื้อหูฟังมาเพื่อการฟังเพลงจริงๆ นั้น มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้เยอะในราคาที่เท่ากันครับ แต่ไม่ใช่ว่า G35 เสียงไม่ดีนะ มันดีเลยแหละครับ แต่คงดีสู้หูฟังที่ใช้ฟังเพลงจริงๆ ไม่ได้ และการที่มันใช้ร่วมกับการ์ดเสียงไม่ได้ (ผมใช้ X-fi อยู่) มันทำให้มีข้อจำกัดพอควร ในด้านการฟังเพลง เช่นเล่น equalizerแบบฮาร์ดแวร์ไม่ได้

อีกอย่างคือ G35 นั้นไม่เหมาะกับเพลงในสไตล์ที่ต้องการความละเอียดของเสียงสูงหรือเสียงแหลม เนื่องจากตัว G35 จะให้เสียงหนักไปทางเบส มากกว่าเพื่อการเล่นเกมส์ที่ได้อารมณ์นั่นเอง

….แต่จริงๆ แล้วเรื่องฟังเพลงนี่รสนิยมใคร รสนิยมมันจริงๆ ผมคงตอบอะไรมากนักไม่ได้ คงบอกได้แค่ว่า G35 เป็นเฮทเซทสำหรับเล่นเกมจริงๆ แต่หากใครซื้อมาฟังเพลงอย่างเดียวแล้ว ผมก็คงคิดว่าเอามาใช้งานผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อยครับ ( ‘ ‘)

Pros:

  • เสียงดีมาก บอกทิศทางของเสียงได้ค่อนข้างชัดเจน
  • ไมค์ คุณภาพเสียงค่อนข้างดีมาก
  • ลักษณะที่ครอบหูเก็บเสียงภายนอกค่อนข้างดี ทำให้ได้ยินแต่เสียงเกมในระหว่างเล่น
  • มีที่รองหัวมาให้เปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับหัวของแต่ละคนได้ดี
  • ไม่ต้องการการ์ดเสียง

Cons

  • แต่ใช้งานร่วมกับการ์ดเสียงไม่ได้เช่นกัน
  • Windows, OSX only
  • ตัวไดรเวอร์ 2 ด้านหมุนได้ ซึ่งน่ากลัวว่าหากเกิดการกระแทก หรือหมุนแรงๆ มันจะหักเอาได้
  • ค่าตัวค่อนข้างแพง
  • หากมีการ์ดเสียงที่ดีอยู่แล้ว การเลือกซื้อ หูฟัง และไมค์ มาใช้งานจะเป็นทางออกที่ประหยัดกว่ามาก

ก็จบการรีวิวคร่าวๆ เพียงเท่านี้

คราวหน้า สงสัยจะเป็น G19 ละมั้ง ( ‘ ‘) คีย์บอร์ดอะไรก็ไม่รู้เปิด youtube ได้…. บ้าไปแล้ว

 

———–

แก้รูปเล็กน้อย

Logitech G19

ไปงานคอมมาร์ทมาเลยได้ถอยของเล่นใหม่มา *-*

IMAG0190

IMAG0191

ขอตัวไปลองเล่นก่อนว่ามันทำอะไรได้มั่ง :E

mini review – Break Blade [Spoile]

หมายเหตุ: สปอย์ เล็กน้อย หรือไม่น้อย แต่อาจจะเยอะเลย

 

license9-2

 

Breakblade หรือ เบรคเบลด จากสำนักพิมพ์ ลัคพิมพ์

 

เป็นมังกะแนว ไซไฟ แฟนตาซี

โลกในเรื่อง เป็นโลกที่แห้งแล้งไม่มีทรัพยากรมากเท่าไหรนัก

และน้ำมันก็หมดไปจากโลกแล้ว

แต่ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าหินควอชต์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ มีพลังในการบังคับหินควอซต์นี้ได้ หรือก็คือพลังเวทย์

ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับหินควอซต์ และเอาไปใช้สร้างเครื่องจักรต่างๆ เรียกได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นใช้หินควอซต์ เกือบทั้งนั้นและ แน่นอนว่า อุปกรณ์ที่ใช้หินควอซต์สร้าง จะต้องใช้พลังเวทย์ในการขับเคลื่อนอุปกรณ์นั้นๆ ด้วย
demo9-1

ไรแก๊ท พระเอกของเรื่อง นั้นเป็นคนที่ไม่สามารถใช้เวทย์ได้

คนที่ไม่สามารถขยับหินควอซ์ได้จะถูกเรียกว่า Un-sorcerer หรือ ไร้ความสามารถ พระเอกของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น

ไรแก๊ท เป็นคนที่สู้ชีวิตพอสมควร ตั้งแต่ ใช้พลังเวทย์ไม่ได้ทำให้โดนถากถางเสมอ ใช้เครื่องจักรหลายๆ อย่างแบบที่คนอื่นทั่วไปใช้ไม่ได้ บ้านมีฐานะยากจนทำให้เรียนไม่จบและยังอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงอีก

 

40

แต่ ชตากรรมของไรแก๊ท ก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อวันหนึ่ง โฮเซิ้ล กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรคริชน่าได้เรียก ไรแก๊ท เข้าไปพบ ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งคู่ เป็นเพื่อนกันในสมัยนักเรียน รวมถึง ชิกิวน์ ราชินีแห่งคริชน่า ด้วยเช่นกัน

แต่การเรียกไปครั้งนั้น ทำให้ไรแก๊ททราบความจริง ที่ไม่น่าจะได้ยินอีกอย่าง นั่นคือ ในขณะนี้ คริชน่า โดนรุกรานจาก สหพันธรัฐอาเธเนส ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และผู้นำกองทัพที่มาบุกนั้น คือ เซส ซึ่งเป็น 1 ในเพื่อนสนิทสมัยเรียนด้วยเช่นกัน

 

demo9-14

 

เซส กับ หน่วยรบของเขา และ โกเลม 5 เครื่อง เป็นหน่วยที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะมีเพียง 5 คน แต่กองทัพของคริชน่าก็ไม่สามารถทำอะไร เซส ได้เลย

ดังนั้นเวลาที่เมืองคริชน่าจะถูกตีแตกจึงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ดังนั้นการเลือกยอมจำนน จึงเป็นทางออกที่ดีกว่า เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนและทหาร ซึ่งโฮเซิ้ลเอง ก็เห็นด้วยกับความคิดนี้

แต่สิ่งที่ทำให้ ไรแก๊ท นั้นลำบากใจหนักยิ่งกว่าเดิมนั้นคือ โฮเซิ้ล ไม่สามารถยอมจำนนต่อ อาเธเนส ได้ง่ายๆ เพราะเงื่อนไขในการยอมจำนนคือ ชีวิตของ กษัตริย์ และทุกคนในครอบครัว

หากคริชน่ายอมจำนน นั่นหมายถึง โฮเซิ้ล และ ชิกิวน์ เพื่อนสนิทของเขาก็ต้องถูกประหารด้วย ไรแก๊ท โฮเซิ้ล และ แม่ทัพบัลด์ เป็นเพียง 3 คนเท่านั้น ที่รู้ความจริงข้อนี้

 

ชายหนุ่ม บ้านนอก ที่ “ไร้ความสามารถ” จะสามารถทำอะไรได้ ในสถานการเช่นนี้?

 

แต่ในสถานวิจัยของคริชน่าเอง มีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นไพ่ตายอยู่ นั่นคือโกเลมโบราณ หรือ อันเดอร์โกเลม ที่ถูกขุดค้นพบในสถานที่แห่งหนึ่ง

51

ไม่มีใครรู้ว่า โกเลมตัวนี้ใครเป็นคนสร้าง

ไม่มีใครรู้ว่า โกเลมตัวนี้สร้างขึ้นเมื่อไหร

ไม่มีใครรู้ว่า โกเลมตัวนี้ทำงานยังไง

ผู้ที่จะตอบได้นั้น ก็ได้ตายกลายเป็นซากมัมมี่คาห้องนักบินไปแล้ว

คริชน่าได้พยายามวิจัยเกี่ยวกับโกเลมตัวนี้ทุกวีถีทาง เพราะเชื่อว่าโกเล็มตัวนี้ กำกุญแจแห่งชัยชนะไว้อยู่

แต่ชะตากรรมชอบเล่นตลกเสมอ

โฮเซิ้ล ได้พาไรแก๊ทมาดู โกเลม เพราะเชื่อว่า ไรแก๊ท ที่ไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้ นั้นอาจจะทำอะไรสักอย่างกับโกเลมตัวนี้ได้

ทันไดนั้น ทหารแห่งอาเธเนส ก็ได้บุกเข้าถึงบริเวณที่ขุดค้นพบโกเลมพอดี

แรงสั่นสะเทือนจากการสู้รบ ทำให้ไรแก๊ท บังเอิญเข้าไปนั่ง ในตัวโกเลมและ มือไปสัมผัสอะไรสักอย่างที่คิดว่าเป็นสวิทช์โดยบังเอิญ เครื่องยนต์ก็เริ่มทำงาน และเริ่มมีข้อความเป็น ภาษาโบราณ ไรแก๊ทจังไม่เข้าใจได้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น

ชะตากรรมเล่นตลกอีกครั้ง เมื่อเขาบังเอิญไปทำให้อันเดอร์โกเลมกระโดด ออกจากบริเวณที่ถูกขุดขึ้นมา ตกไปสู่กลางสนามรบในขณะนั้นพอดี ทำให้ไรแก๊ทต้องเข้าสู้รบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

26

นั่นเป็นทั้งฝันร้ายของไรแก๊ท และฝันร้ายของ หน่วยรบ อาเธเนส เพราะ โกเลม ตัวนี้ดันมีประสิทธิภาพผิดกับคอมม่อนเซนส์ของคนทั่วไปมาก มันสามารถ ยกดาบขนาดใหญ่ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ที่โกเลมทั่วไปไม่สามารถยกได้ด้วยแขน 2 ข้าง  มันสามารถกระโดดได้สูงกว่าโกเลมทั่วไปหลายเท่า และมันสามารถวิ่งด้วยความเร็วที่ผิดกับโกเลมทั่วไปเยอะมาก และผู้ที่จะบังคับโกเลมตัวนี้ได้มีเพียงแค่ ไรแก๊ทเท่านั้น แต่ไรแก๊ท ไม่ใช่คนที่ชอบต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

แต่ไรแก๊ท ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้แล้ว เขาจะต้องสู้

ไม่ใช่เพื่อประเทศ

แต่เพื่อเพื่อนๆ ของเขาที่อยู่ตรงหน้า

แม้ว่า เขาจะต้องสู้กับเพื่อนรักอีกคนก็ตาม

 

 

เบรคเบลด ที่มาของชื่อเรื่อง มาจากการที่ตัว อันเดอร์โกเลม มีเขาและแผ่นหลัง ที่มีสภาพคล้ายกับดาบที่หักนั่นเอง

 

เรื่องนี้มีกลิ่นอาย หลายๆ อย่างที่ไม่สามารถหาได้จากการ์ตูน หุ่นยนต์ ทั่วๆ ไปครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็คาดว่ามีแรงบันดาลใจหลายๆ อย่างจาก เรื่องในอดีตด้วยเช่นกัน

ถึงแม่ว่าพระเอกจะจับพลัดจับพลูมาขับหุ่นโดยบังเอิญเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ไรแก๊ทของเรานั้น ไม่ได้เก่งเทพเหมือนอย่าง พี่เทพคิระ หรือ ป๋าอามุโร่ ของเราๆ กัน

ไรแก๊ทของเราเป็นเพียงปถุชนธรรมดา เท่านั้น และยังโดนดูถูกจากคนรอบข้างเพราะ ไม่มีพลังเวทย์ในการใช้อุปกรณ์หินควอทซ์ต่างๆ เหมือนอย่างที่คนอื่นทำได้กันด้วย

ตัวหุ่น อันเดอร์โกเลม หรือ เบรคเบลด หรือ เดลฟิงก์ (เป็นโค้ดเนมที่ใช้เรียกในเล่ม 3) เองนั้นถึงมันจะเป็นเทคโนโลยี โบราณ ที่ไม่มีในปัจจุบัน และมีพละกำลัง ที่มหาศาลเมื่อเทียบกับ โกเลม ตัวอื่น แต่ ตัวมันเองนั้น มีเกราะที่บางเอามากๆ และยังมีข้อจุกจิกวุ่นวาย อื่นๆ อีกมากมายในการใช้งาน เช่นความร้อนที่ขึ้นสูงเร็วมาก และหากเกิดการโอเวอร์ฮีทขึ้น จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

และพลังเวทย์ในเรื่อง เท่าที่เห็นก็เป็นเพียงพลังที่ใช้ในการบังคับหรือควบคุมหินควอทซ์เท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นเสกไฟ เสกสายฟ้า มายิงกันเหมือนเรื่องอื่นๆ

พระเอกนอกคอก และ โกเลมนอกคอก แต่กลับเป็นกุญแจแห่งชัยชนะ

นั่นทำให้เรื่องนี้มีอะไรที่แปลกกว่าการ์ตูนหุ่นยนต์ทั่วไปมาก

จากการที่อ่านมา 3 เล่ม ประเด็นหลักๆ ของเรื่อง จะวนเวียนอยู่ที่ตัวไรแก๊ทเอง ในสถานการที่ เลือกทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น ไรแก๊ท จะหาทางออกให้กับตัวเองอย่างไร และเขาจะทำยังไงถึงจะสามารถรักษาชีวิตเพื่อนได้ทุกคน

 

ไรแก๊ท ไม่ใช่คนที่จะสู้เพื่อประเทศเลยแม้แต่น้อย

แต่หากเป็นเพื่อนสนิท เขายอมได้ทุกอย่าง แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ชอบการต่อสู้สุดชีวิต

ด้านฉากสู้กันนั้น ก็วาดเก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียวครับ แต่นั่นก็เลยทำให้รู้สึกว่า 3 เล่มผ่านไป เนื้อเรื่องยังไปไม่ถึงไหนเช่นกัน (อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ เวลาสู้กันใช้หน้ากระดาษเปลืองมากครับหน้านึงมีเพียงแค่ 3 – 4ช่องเท่านั้นเอง) หากไม่โดนตัดจบไปซะก่อน ก็คงได้อ่านกันอีกนานน่าดู

 

จริงๆ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าในไทยนั้น เรื่องนี้ขายดีแค่ไหน แต่เห็นว่าในญี่ปุ่นเรื่องนี้มียอดขายที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร

หวังลึกๆ ครับว่าจะได้เห็นเรื่องนี้เป็นอนิเม แต่ท่าทางจะยาก หากยอดขายในญี่ปุ่นไม่ค่อยดีแบบนี้

ขณะนี้ในไทยนั้นวางจำหน่ายเล่ม 3 แล้ว ส่วนในญี่ปุ่นปัจจุบันอยู่ที่เล่ม 5

ตัวฉบับภาษาไทยนั้น โดยรวมก็ชอบรูปเล่มนะ ปกในยังมี เกร็ดความรู้ต่างๆ ของตัวเรื่องอีก

แต่ว่า เล่ม 3 นั้นมีอาการพิมพ์เบลอ แบบเห็นได้ชัดๆ เป็นเพียงบ้างหน้า (อาการเดียวกับสมัย SIC พิมพ์เบลอทั้งเล่มนั่นหละครับ)

หวังว่าจะ แก้ไขในเล่มต่อๆ ไปนะครับ ( ‘ ‘)

 

 

37

ปล. มีตีท้ายครัวแน่ๆ ครับเรื่องนี้ ฟันธง!

 

credit: ภาพจาก สำนักพิมพ์ ลัคพิมพ์ และ onemanga

สำหรับตัวอย่างตอนที่ 1 ก็หาได้จากเว็บของสำนักพิมพ์เองครับ

Mini Review – Razer Mamba

ครับ ใช้งานมาได้พักใหญ่ๆ เกือบเดือนแล้ว

ตั้งแต่ไปดูคอนเสิร์ท ที่สิงก์โปร นั่นแหละครับ ก็ตบเมาส์ตัวนี้กลับมาด้วย

Razer Mamba เป็นเมาส์รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นเมาส์ไร้สายตัวแรกของ Raze
แต่ความพิเศษของมันอยู่ที่ มันสามารถใช้ได้ทั้งในโหมดไร้สาย และโหมดธรรมดา

มาดูแพ๊กเกจกันดีกว่า

IMAG0186

… มาเป็นกล่องพลาสติกสวยงาม จนสงสัยว่า จะให้เอาไปตั้งโชว์ หรือเอาไปใช้กันแน่

IMAG0183

ข้างในแพ๊กเกจ ก็หรูหรา อลังการมากครับ แค่นี้ก็สร้างความประทับใจก่อนใช้ได้แล้ว

ที่เห็นนั้นชั้นแรกเป็นสาย USB ชั้นที่สองเป็นแบตเตอรี่และฝาปิดที่ใส่แบต และชั้นที่สามเป็นแท่นชาร์จและแท่นรับสัญญาณนั่นเอง ส่วนกล่องที่เห็นทางด้านซ้ายนั้นเป็นกล่องใส่คู่มือครับ

IMAG0185

ตัวแท่นยึดเมาส์ ยังสามารถถอดออกมาเพื่อเอามาตั้งโชว์ได้อีก (ตกลงจะให้ตั้งโชว์ ไม่ต้องใช้เลยใช่ไหม?)

IMAG0160

หน้าตาของแท่นรับสัญญาณ ที่เป็นแท่นชาร์จในตัว

IMAG0166

ใช้งานในโหมดไร้สายก็จะเป็นแบบนี้ละครับ หากใช้งานแบบธรรมดาก็แค่ถอดสาย USB จากแท่นรับสัญญาณเสียบกลับเข้าตัวเมาส์แค่นั้น

IMAG0178

ขณะทำการชาร์จด้วยแท่นชาร์จ

มาดูการปรับแต่งไดรเวอร์กันบ้าง

razer_mamba_driver_1

การกำหนดปุ่มต่างๆ เป็นเมาส์ 7 ปุ่ม น้อยกว่า Lachesis อยู่ 2 ปุ่ม

razer_mamba_driver_2

razer_mamba_driver_3

สังเกตว่าเราเลือก จำนวน state ของ dpi ได้ด้วย บางคนอาจจะใช้เพียงแค่ 2state ก็ปรับได้จากหน้าจอนี้ครับ

razer_mamba_driver_4

หน้าจอโปรไฟล์ครับ สามารถตั้งให้โปรไฟล์เปลี่ยนตามโปรแกรมได้เช่นเคย

razer_mamba_driver_5

หน้าจอ manage macro

razer_mamba_driver_6

สุดท้าย ก็เรื่องลูกเล่นทางด้านแสงไฟเล็กน้อย

ลองเอาไปเล่น Left 4 Dead กับเพื่อนๆ ในแบบไร้สาย เมาส์ตัวนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวครับ โดยเปิด dpi ไปสูงสุดที่ 5600 การตอบสนองของเคอเซอร์นั่นดีมาก และยังคล่องมือด้วย เพราะไม่มีสายมาเกะกะพื้นที่อีกแล้วค่อนข้างประทับใจหลายๆ อย่างครับ ตั้งแต่รูปทรงที่จับถนัดมือ และไม่หนักมากเมื่อใช้งานในแบบไร้สาย

สรุปข้อดีข้อเสียหลังจากที่ลองใช้มาสักพักครับ

Pros

  • รูปทรงจับถนัดมือมาก
  • น้ำหนักค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับเมาส์ไร้สายตัวอื่น
  • แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มใช้งานได้นานพอควรครับ เท่าที่ลองมาเล่นตั้งแต่เช้า ก็อยู่ได้จนดึกๆ เลยหละ
  • การ record macro นั้นทำได้ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไดรเวอร์ของเมาส์ตัวเก่าๆ หากใครเคยใช้ macro ของG11, G13, G15 ของ logitech ก็ประมาณนั้นเลยครับ

Con

  • เนื่องจากแท่นชาร์จ และแท่นรับสัญญาณต้องต่อ USB เข้ากับ PC เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถชาร์จได้หากปิด PC ทิ้ง
  • บน desktop หากใช้งาน dpi ที่ระดับสูงๆ อาจจะเจออาการเคอเซอร์ขยับเองทั้งๆ ที่เมาส์อยู่เฉยๆ ได้ซึ่งเป็นปรกติของเมาส razer ที่ dpi เยอะมากๆ (เกิน 4000 ขึ้นไป) อยู่แล้ว (ธรรมดา ใช้งานโปรแกรมทั่วไปผมจะตั้งไว้แค่ 2000 dpi)
  • ถึงน้ำหนักมันจะเบายังไง แต่มันก็หนักกว่าเมาส์มีสายอยู่ดี
  • ราคาค่าตัวโหดมากครับ ตัวนี้ได้มาในราคาราวๆ 190 SGD (สิงก์โปร ดอลล่า) ในไทยเองก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร

Notes:

  • ไม่มีไดรเวอร์มาให้ ต้องโหลดเอาเองจากเว็บไซต์ อาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคน แต่สำหรับผมที่ติดนิสัยไม่ใช้ไดรเวอร์จากกล่องนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร
  • มีแบตเตอร์รี่มาให้เพียงก้อนเดียวเท่านั้น หากเกิดปัญหาแบตเสื่อมขึ้นมา อันนี้สงสัยต้องติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายในไทยเอาดู
  • ถึงหัวต่อมันจะเป็น mini usb แต่ไม่สามารถทำเอา miniusb แบบปรกติมาต่อได้ครับ เนื่องจากตำแหน่งรูเสียบ usb มันจะเป็นร่องลึกลงไป ทำให้ miniusb ทั่วไปไม่สามารถเสียบได้ แต่คาดว่าสามารถ modify ให้ใช้งานกันได้หากอยากทำ

คราวหน้า เดียวจะมาพูดถึง logitech G35 กันบ้าง ขอลองใช้อีกสักพักก่อน *-*

race [Hume] face [M2a]

Hm2a

เผ่า Hume เพศ ชาย หน้า เบอร์ 2a

เป็นรูปจาก character creation เวลาเล่นจริงโมเดลจะหยาบกว่านี้เยอะ

aldo

หากเป็น b จะเป็นผมทอง

คนนี้คือ Aldo มาจาก Opening Movie ของ FF11

Capture6

คาดว่าหน้าเดียวกัน จาก trailer ของ FFXIV ยังไม่มีชื่อ (สงสัยจะไม่มีชื่อ)

Capture7

ส่วนนี่ Rush Sykes พระเอก Last Remnant
… หยังกับถอดแบบกันมา ใช้คาแรกเตอร์ดีไซน์คนเดียวกันเปล่าเนี่ย

จากผลสำรวจ census 2008 หน้านี้เป็นหน้ายอดนิยมอันดับสองของ FF11 เวลาคนสร้างเผ่า Hume ชายครับ (รวมผมทั้ง 2 สี)

NPC สำคัญๆ หลายๆ ตัวใน FF11 ก็ใช้หน้านี้ละครับHume M2 เป็นหน้าที่โหลมาก…

wolfgang

เช่น Wolfgang หัวหน้าการ์ดแห่งเมือง Jeuno

Razfahd

คุณพี่ Razfahd แห่ง Aht Urhgan

Mayakov

แต่ที่เห็นแล้วกุมขมับที่สุดต้องยกให้ Mayakov จาก Wing of Goddess เลยครับ…

หมอนี่เป็น Dancer หัวหน้าคณะ Troupe Mayakov ดูจากชุดก็รู้ว่า เป็นเกย์แท้ 100%

แถมภาษาที่ใช้ยังแรดสุดตีนด้วย! เวลามันพูดตัว s,c มันจะเขียนเป็น th หมด

เช่น Return at once! Your behavior is unacceptable -> Return at onthe! Your behavior ith unactheptable!

… ไม่แนะนำให้เขียนเลียนแบบ ไม่ว่าเหตผลใดๆ…. อ่านยาก max max

ใครคนไหนสร้างคาแรกเตอร์แล้วใช้หน้า Hume M2a

มาเล่น Wing of Goddess Mission แล้วเจอหมอนี่โผล่มาใน cutscene ทีไร เซ็งกันตามๆ ทุกที

หะๆๆ…