จริงๆ คงหลุดมาซํกพักใหญ่ๆ ในเว็บบิททอเรนท์ทั่วไปแล้วหละ แต่วันนี้เป็นวันเปิดให้ download อย่างเป็นทางการใน msdn ( ‘ ‘)
กำลังตั้งโหลดอยู่ ตื่นเช้ามาคงโหลดเสร็จพอดี แต่จะเอาเวลาที่ไหนมาลงดีละหว่า….
A hobby blog
จริงๆ คงหลุดมาซํกพักใหญ่ๆ ในเว็บบิททอเรนท์ทั่วไปแล้วหละ แต่วันนี้เป็นวันเปิดให้ download อย่างเป็นทางการใน msdn ( ‘ ‘)
กำลังตั้งโหลดอยู่ ตื่นเช้ามาคงโหลดเสร็จพอดี แต่จะเอาเวลาที่ไหนมาลงดีละหว่า….
ผมมีโน๊ตบุ๊คอยู่ตัวนึงเป็นของ Asus รุ่น M6N จริงๆ มันก็ยังใช้ได้โอเคอยู่นะ แต่พอเอามารันโปรแกรมใหม่ๆ แล้วเริ่มรู้สึกมันอืดๆ ไม่ทันใจ ไอ้จะไปพันทิพย์ เดินหาซื้อ SDRAM 512MB มาใส่เพิ่มก็ดันมีแต่ 256MB อีก ซึ่งตัวโน๊ตบุ๊คผมก็ใส่ 256 เต็ม2ช่องอยู่แล้ว ตอนนี้เลยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ว่าน่าจะอัปแรมให้มันเปน 1G ตั้งแต่ซื้อเครื่องมาเลย
wi-fi ของเครืองก็เริ่มไม่สมประกอบเช่นกัน มีอาการหลุดบ่อยมาก
แต่ที่เลวร้ายที่สุดของโน๊ตบุ๊ตตัวนี้คือ แบตมันหลวมแล้ว ไม่ใช่แบตเสื่อมนะครับ แต่มันหลวมเฉยๆ เวลาใช้งานต้องเอาปากกา หรืออะไรก็ได้ไปรองบริเวณแบต ด้านใต้เครื่อง ไฟมันจะได้เข้าตัวเครื่อง
นั่นแปลว่า ระหว่างใช้งาน หากไม่เสียบหม้อแปลงแล้ว ผมไม่สามารถยกโน๊ตบุ๊ตตัวนี้ออกจากโต๊ะได้เลยไม่งั้น เครื่องดับทันที และมันหาแบตรุ่นนี้ไม่ได้แล้วด้วยนี่สิ
ในงานคอมมาร์ทรอบล่าสุดที่เพิ่งจบไปก็เลยตั้งใจจะไปเดินหาโน๊ตบุ๊คตัวใหม่สักเครื่อง มาแทนตัวเก่า ที่บางอย่างเริ่มไม่สมประกอบ
โดยผมตั้งเงื่อนไขไว้คร่าวๆ ดังนี้
….เรื่องมากนิดหน่อยน่า
ซึ่งในบรรดาโน๊ตบุ๊คทั้งหมด ผมจะไม่ดูของ Sony, Acer, HP, Toshiba ด้วยเหตผลส่วนตัวเล็กน้อย
รอบนี้ผมไปสองวัน คือเสาร์กับอาทิตย์
โดยวันเสาร์ไปเดินๆ หยิบใบราคามาเฉยๆ และแอบๆ โฉบดูตัวเครื่องบ้าง (แถมสอย G19 ติดกลับมา 1 ตัว) เก็บใบราคากลับมาที่บ้านมาเปิดเน๊ต เช็คดูแต่ละเครื่อง ที่สนใจ
พอวันอาทิตย์ก็ไปอีกรอบ คราวนี้้ตั้งใจจะไปซื้อจริงหละ แต่ต้องขอดูตัวโน๊ตบุ๊คเป็นๆ แต่ละเครื่องด้วย
เข้างานมาถึงก็ตรงดิ่งไปที่ Lenovo ทันทีไปเล็งๆ รุ่น Y450 ไว้
แต่พอไปเห็นของจริงปุบ ความประทับใจก็เริ่มติดลบละ เพราะตัวพลาสติกที่ใช้ทำคียบอร์ดมันดูแปลกๆ และแถวๆ นั้นผมรู้สึกร้อนๆ บริเวณดวงตาแปลกๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงจากโน๊ตบุ๊ค หรือความร้อนจากบริเวณนั้น หรือยังไงไม่ทราบได้ แต่ผมว่าผมดูจอภาพของ Y450 แล้วไม่ค่อยสบายตาแน่ๆ ละ
แต่ที่ทำให้ผมตัดใจจากโน๊ตบุ๊ค ตัวนี้ทันทีคือเรื่องความร้อนที่ตัวเครื่อง
ผมลองเดินๆ ไปตามบูท ของร้านต่างๆ แล้วเอามือจับๆ ตัวเครื่องบริเวณด้านใต้คียบอร์ด ที่เป็นที่พักมือ พบว่ามีที่ร้อนมาก 1เครื่อง ส่วนนอกนั้นอยู่ในระดับอุ่นๆ
เสปคเครื่องดีจริง แต่คุณภาพเนื้องานดูไม่น่าประทับใจ และความร้อน ที่ค่อนข้างมาก
คือมันจะไม่ใช่ปัญหาเลย หากบริเวณที่ร้อน มันอยู่ด้านใต้เครื่อง แต่ที่มันอยู่ตรงบริเวณที่เอามือวางพอดี
ถึงคนขายจะบอกว่าเครื่องนี้เปิดมาทั้งวันแล้วมันเลยร้อน แต่โน๊ตบุ๊คตัวอื่นหลายๆ ตัวมันก็เปิดมาทั้งวันเหมือนกันมันก็ไม่เห็นร้อนแบบนี้
ก็เลยบ๊ายบาย ลาก่อน Y450 ไปดูของค่ายอื่นดีกว่า
ถัดมาก็เลยไปดูที่ Samsung
Samung ถือเป็นค่ายน้องใหม่ในวงการโน๊ตบุ๊ค แต่ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการจอภาพแน่นอน ดังนั้นจอภาพของโน๊ตบุ๊ค ก็ไม่น่าจะ มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือ เสปคเครื่องไม่ค่อยสมกับราคานี่สิ (มีคนบอกว่าจุดขายของ samsungจะคล้ายๆ กับโซนี่)
ดูผ่านๆ มาก็ประทับใจกับดีไซน์พอสมควรครับ ไม่นับว่าเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย เพราะพื้นผิวบริเวณที่เอามือวางจะเป็นพลาสติกมัน และเรื่องความร้อน ที่ดูผ่านๆ ไม่มีเครื่องไหนร้อนจนสังเกตได้ บวกกับหน้าจอที่ดูสบายตามาก
มีอยู่สองรุ่นที่พอจะเข้าตาคือ X460 และ R460
ปัญหาก็อย่างที่บอก ไอ้ตัว X460 นี่ราคาถีบไปเกือบเลข 5 ซึ่งหากซื้อในงาน ก็จะมีพรินเตอร์ราคาราวๆ 3พัน และ มอนิเตอร์ สำหรับต่อ โน๊ตบุ๊ค อีกราวๆ 5 พัน ถ้าคิดซะว่ามันขายพ่วง โน๊ตบุ๊คตัวนี้ก็จะอยู่ราวๆ 4หมื่น
แต่พรินเตอร์นั้น ผมเองก็ไม่รู้จะเอามาทำไม ของที่บ้านก็ยังใช้ได้ดีอยู่
ส่วน LCD นั้น ก็ไม่มีที่จะวางใช้งานเช่นกัน
ดูสเปคตัวเครื่องเล็กน้อยหลายๆ อย่างถือว่าเข้าขั้นดีเลยครับ แต่ก็ติดเรื่องการ์ดจอมันอีกนะแหละ ขี้เหร่ไปนิด
แต่เรื่องความร้อน หรือน้ำหนักนี่ X460 สอบผ่านหมดนะ
พอลองหันไปที่ R460 ที่ราคาน่ารักขึ้นมาหน่อยก็เหมือนกันเลยคือ การ์ดจอมันห่วยไปนิดนึง
มีอีกประเด็น ที่ยังไม่เลือกทั้ง X/R460 ในตอนนนี้ก็คือ ในงานมันดันมี X360 และ R540 มาโชว์ตัวด้วย
แต่ดันไม่มีราคา สอบถามคร่าวๆ ก็คือสิ้นค้ายังไม่มี และยังไม่เปิดตัวเป็นทางการ
ก็เลยขอรอดูก่อนดีกว่า อยากจะรู้ว่าอีก สองเครื่องจะมีราคาแบบไหนยังไงด้วย (ที่แน่ๆ เห็นละว่า R540 การ์ดจอนั้นตรงเสปคพอสมควร ถ้าราคาไม่ถีบไปถึง 4หมื่น อาจจะได้สอยตัวนี้จริงๆ )
เลยตัดใจจาก samsungไปดูบูทอื่นต่อไป
มาจบที่ Benq รุ่น S42และ S57
ตัว S42 จริงๆแล้ว ต้องบอกว่าสเปคนั้นโดนใจหลายๆ อย่างครับ แต่แหม… ดีไซน์มันไม่ถูกใจเลย (เอาน่า…) อุตสาห์เปลี่ยนจาก S41มาเป็น S42 น่าจะมีเปลี่ยนแปลงอะไรมากกว่านี้นิดนึง
เลยหันไปดู S57 ต่อ
ก็ครับ หลงคารมณ์พนักงานขายอีท่าไหน ไม่รู้ บวกกับหลายๆ อย่างผ่านเช็คลิสต์หมด
จะติดก็คือเรื่อง ใช้งานได้ไม่นานเพราะเลือกใช้การ์ดจอแยกหรือการ์ดจอ onboard ไม่ได้
นั่งส่องอยู่นานมากครับ แรม 4gb ก็ไม่มีปัญหาอัปได้
ตอนนั้นก็เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ แล้ว เลยตัดสินใจ ตัวนี้ละกัน ไอ้เรื่องน้ำหนักเกือบ 3 กิโล ตัวเก่าเราก็ไม่แพ้กัน แถมสมัยเรียนป.ตรียังแบกมันไปมาทุกวัน กะอีแค่นี้คงเล็กน้อย
ส่วน S57 นั้นในงานมีขายสองรุ่นคือ รุ่นที่มี vista business LC ให้และแบตเตอรี่แบบ 8cell อีกรุ่นไม่มี vista business ให้ แบตเตอรรี่ 6 cell แต่ให้แรม 4G ตั้งแต่แรก
ตอนแรกกะจะเอาแบบหลังครับ ยังไงซื้อมาเครื่องผมก็จะลง windows 7 อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนใจกระทันหัน เอาแบบมีวินโดว์มาด้วยดีกว่า จะได้ตัดปัญหาเรื่อง LC บางอย่างออกไป และจะได้เอาแบตเตอรี่ 8 cell เพิ่มด้วย
ครับ
เช็คของแถมเรียบร้อย
แรมยังไม่ได้ใส่กำลังจะใส่เพิ่ม
กำลังจะควักเงินจ่ายแล้วครับ
ทันไดนั้นผมก็ฉุกคิดมาได้
Q: “วินโดว์ที่ให้มา 32 หรือ 64 บิทครับ?”
A: “32ครับ”
Q: “แล้วมีให้เลือกเปลี่ยนเป็น 64 ไหมครับ”
A: “ไม่มีครับ คุณต้องหาแผ่นมาลงเอง”
Q: “งั้นถ้าผมหาแผ่นมาลงได้ แล้วจะใช้ cd-key ของตัว 32 หรือตัวที่ติดมากับเครื่องนี่แหละ ใส่ใน 64 ได้ไหม”
A: “ไม่ได้ครับ”
เท่านั้นแหละครับ เลยต้องขอยกเลิกเลย (ขออภัยนิดนึง หากเหมือนเป็นการฉีกหน้ากัน)
PC ที่มีแรม 4G แต่ดันใช้วินโดว์ 32bit มันไม่มีความหมายเลยนะครับ
พนักงานอีกคนที่เหมือนจะตำแหน่งใหญ่กว่า เหมือนจะได้ยินที่ผมคุยกัน เลยเดินเข้ามาอธิบายชี้แจง
ว่า ทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ตนั้นได้ OEM มาแต่แบบ 32bits เท่านั้น (จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบกับผู้ผลิตรายอื่นๆ) และตัว Vista 32bits SP1 นั้น report RAM ถูกต้องว่ามี 4G พร้อมทั้งอ้างว่าเขามี certificate จาก ไมโครซอฟท์ และ โชว์แขนเสื้อที่มีสัญลักษณ์ของไมโครซอฟท์
ประโยคหลังนั้นทำเอาผมเขวไปแปบนึง มีการบอกอีกว่า คุณใช้โปรแกรมอะไรมาวัด แล้วมัน แสดงผลถูกต้องไหม แต่พยายามตั้งสติ เถียงกันต่อสักพัก และบอกขอโทษกลับไป ยังไงก็ไม่เอาดีกว่า เพราะหากเกิดมันเป็นแบบที่ผมเข้าใจแล้วละก็ มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
ตอนนั้นก็เป็นเวลาทุ่มครึ่งได้แล้วครับ คงจะไม่เดินดูอะไรต่อแล้ว เลยตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อมาเช็คสิ่งที่ผมเข้าใจทันที
และผมก็เข้าใจไม่ผิด
ว่าถึง Vista SP1 มัน Report แรมครบ 4G แต่ใช้งานจริงมันใช้ได้ไม่ถึง 4 ครับ (หนอย… มัน ใบ certificate ไมโครซอฟเก๊ แล้วยังมาข่มกรู….)
มันเป็นยังไง ต้องขออธิบายแบบนี้ (ใครยังนั่งอ่านจนถึงย่อหน้านี้ได้ รบกวนช่วยตั้งสติ และค่อยๆ อ่านสิ่งที่ผมกำลังจะอธิบายต่อนะครับ อาจจะเข้าใจยากนิดนึงเพราะ จะว่าด้วยเรื่องของ technical ล้วนๆ แต่ถ้าใครเข้าใจแล้วก็ข้ามๆ ไปเลยก็ได้ครับ)
คือแบบนี้ครับเลข 32 บิทนี้ มันไม่สามารถมองเห็นแรมเกิน 4G ได้
เพราะว่าตัวเลขสูงสุดของ 32บิท ก็คือ 4294967295
ใครมือเครื่องคิดเลข จะลองจิ้มตามก็ได้ โดยปรับเป็นโหมดเลขฐานสอง และกดเลข 1 ไป 32 ตัว แล้วก็แปลงกลับมาเป็นเลขฐาน 10 จะได้จำนวนตามที่ว่า ซึ่งเมื่อนำมาคำนวนแล้วจะได้ 4G เกือบพอดี (ขาดไปแค่ 1 เท่านั้น)
ซึ่ง OS 32บิท นั้นจะใช้เลข 32บิท ในการอ้างถึง adress ของหน่วยความจำ ดังนั้นมันไม่สามารถอ้างหน่วยความจำที่เกิน 4G ขึ้นไปได้
ฟังดูมันก็ไม่น่ามีปัญหาใช่ไหมครับ เลข 32บิท มันก็ควรจะใช้ได้ครบ 4G สิ
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
เนื่องจากว่า ฮาร์ดแวร์ ต่างๆ ในเครื่องเอง ก็ต้องการเลข adress ในการอ้างถึงหน่วยความจำของฮาร์ดแวร์เช่นกัน ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การ์ดจอทั้งหลาย ยิ่งการ์ดจอมีแรมเยอะ ก็ยิ่งต้องการพื้นที่การอ้างถึง adress เยอะถามไปด้วย
ตั้งสติ อีกรอบนะครับ… ตรงนี้คนที่ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาอาจจะงง หรือสลบคาคีย์บอร์ดไปแล้ว
ลองมองตามเส้น = นะครับ สมมุติว่านั่นคือ ram 4G ที่ใส่ในเครื่องเรา ซึ่งเป็นเลขสูงสุดที่ OS32 อ้างถึงได้
และพอเราเอา ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เข้ามาร่วมวงด้วย รูปภาพมันจะเปลี่ยนไปแบบนีั้
เจ้าเส้นทึบ ที่แอบมาเนียนแทรกนั้นคือส่วนของฮาร์ดแวร์นั่นเองครับ จากรูปจะเห็นว่าตัวเลขโดนกันออกไปถึง 1G เพื่อเอาไว้ใช้กับฮาร์ดแวร์ต่างๆ ในเครื่อง
ในความเป็นจริงแล้วส่วนที่ถูกกันออกอาจจะไม่ได้อยู่ด้านท้าย อาจจะไปอยู่ด้านหน้าก็ได้ อันนี้ขึ้นกับ OS แต่ละตัวครับว่าจะ Implement อย่างไร
ดังนั้น OS32บิท จะไม่สามารถใช้แรมได้ถึง4G เด็ดขาด เพราะว่าเลข adress ส่วนนึงจะถูกกั้นไว้สำหรับอ้างถึงหน่วยความจำของฮาร์ดแวร์
ทางแก้สถานเดียวคือลง วินโดว์64 ครับ
หากเราใช้วินโดว์ 64 รูปในรูปที่สอง มันจะเปลี่ยนไปแบบนี้
ครับตัวเลขมันทะลุ 4G ได้เพราะเลขสูงสุดของ 64bit มันเยอะกว่า 4G มหาศาลดังนั้น ฮาร์ดแวร์ก็ไม่ต้องมาเบียดกับ Ram แย่งกันใช้ตัวเลขแล้ว
เยอะกว่าแค่ไหนอันนี้ลองไปคำนวนเล่นๆ กันเองดู แต่ว่า ณ. ขณะนี้ windows 64 นั้นรองรับแรมสูงสุด 128G ครับ
ใครมาถียงบอกว่า Vista SP1 32bit รีพอร์ทแรมครบ 4G คุณเอาสิ่งที่ผมอธิบายไป ไปเถียงตอกกลับไปเลยครับ ให้มันรู้ซะบ้างว่า คนซื้อไม่ได้โง่!
เขียนมาถึงขนาดนี้ หากคนที่หลงเข้ามาอ่าน นั้นเป็นคนที่ผมเกือบจะจ่ายเงินซื้อโน๊ตบุ๊คไปแล้ว
ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ กับความเรื่องมากของผม แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณเอาความรู้ผิดๆ ของคุณไปบอกคนอื่นเหมือนกัน
ที่จริงผมเห็นว่าใต้โน๊ตบุ๊ค นั้นมีเลข cd-key อยู่? ถ้าหากคุณคนขายตอนนั้นจะยืนยันกับผมว่า มันสามารถเอาไปใช้กับ Windows Vista Business 64 ได้ละก็ ผมก็จ่ายเงินไปแล้วหละครับ เพราะว่า จริงๆ แล้วผมมี cd-key ของ msdn อยู่ ซึ่ง cd-key ในนั้น เลขเดียวกันสามารถใช้ได้ทั้ง 32 และ 64 บิท
คือจริงๆ แล้วผมเชื่อว่ามันน่าจะใช้ได้นะ หากไอ้เลขนั้นเป็นเลข cd-key จริงๆ แต่คนขายดันบอกว่าไม่ได้ ผมก็ต้องเซฟเงินในกระเป๋าตัวเองก่อนหละแบบนี้
และ จริงๆ แล้ว หากใครที่เกียวข้องกับวงการ บังเอิญ มาอ่านคำบ่นของผมพอดี ผมเองก็อยากจะ ฝากบอกสักเล็กน้อย หากคุณ ให้ทางเลือกกับลูกค้าในการเพิ่มแรมเป็น 4G แล้ว คุณควรจะต้องให้ทางเลือกในการเปลี่ยนจาก 32bit เป็น 64bit ด้วยเช่นกัน
……… อันที่จริงแล้ว ปัญหานี่จะไม่เกิดเลยหากผมไม่ได้เลือกที่จะเพิ่มแรมเป็น 4G หรือ เลือกเอาแบบไม่มีวินโดว์ LC มาตั้งแต่แรก
ขอย้ำอีกทีนะครับว่า โน๊ตบุ๊ค ตัวที่ผมเกือบจะซื้อ ไม่ได้ลงแรมมาถึง 4G ตั้งแต่แรก แต่ผมเลือกที่จะจ่ายเพิ่มเอง ดังนั้นปัญหา นี้ไม่ใช่ปัญหาของผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คนะครับ แต่เป็นปัญหาระหว่าง ผมที่เรื่องมาก กับ ตัวแทนจำหน่าย ที่พูดจาอวดรู้ เท่านั้นครับ
ขออภัยอีกครั้งนึงละกัน กับความเรื่องมากของผม ._.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่ได้ต้องการ ดิสเครดิต ค่ายไหนๆ ทั้งนั้นนะ ครับ ผมเพียงแค่อยากจะบอกว่าถึงเวลาแล้ว ที่ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต้องมาคิดถึงเรื่อง windows 64 bits อย่างจริงจัง
เพราะเรากำลังจะก้าวไปสู่ยุคนั้นอย่างเต็มตัวแล้วในไม่ช้า
reference อ้างอิง
http://support.microsoft.com/kb/929605/
http://support.microsoft.com/kb/946003/
ปล. เขียนมาเยอะมาก ที่เกียวกับหัวข้อกระทู้ มีนิดเองเอง….
ปล2. ….. รู้สึกไม่ได้พูดถึงเรื่องเกม มาหลาย entry แล้ว XD
edit แก้ทำเป็นรูปภาพ
—
แก้ที่ผิดเล็กน้อย Benq S57 รุ่นที่พ่วง windows จะเป็น Vista Business 32 bit ครับไม่ใช่ Vista Ultimate 32 Bit
ไปมาแล้วครับ Distant World music from FINAL FANTASY
คอนเสิร์ทคราวนี้จัดที่สิงก์โปรที่งาน 2009 Singapore Arts Festival วันที่ 22 ถึง 23 เดือน พ.ค. 52 ณ Esplanade Concert Hall มี 3 รอบเวลา รอบที่กลุ่มผมไปกันคือรอบวันศุกร์ตอนเย็น 2ทุ่ม ออกจากเมืองไทย 7.45 ตอนเช้า ถึงที่สิงก์โปร ออกจากสนามบิน ราวๆ เที่ยวพอดี ก็เดินเที่ยวรอบโรงแรมกันสักพัก หาของกิน ถึงค่อยไปดูสถานที่จัดงานกัน
ตัวสถานที่ที่จัดงาน เป็นศูนย์รวมการแสดงทางศิลปะของสิงก์โปรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเขา มีทั้งการแสดงการแจ้ง ที่ใครเดินผ่านมาก็แวะมาดูกันได้ และแบบที่จัดภายในตัวอาคารที่ต้องเสียเงินเข้าไปดูกัน
ที่หน้าทางเข้าตัวฮอลเอง ก็มีขายสิ้นค้าจาก Concert Distant World รอบปี 2007 ด้วยเล็กน้อย ผมเองก็ตบมา 2 ชิ้น เป็น CD เพลงและ Artbook
พอเข้าไปนั่งรอได้สักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มแสดง แสงไฟก็ฉายไปที่ชายคนนึงกำลังเดินไปยังที่นั่ง แต่งชุดขาวทั้งตัว มีผ้าโผกหัวสีขาว ไม่ใช่ใครครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวจริงเสียงจริงนั่นเอง หลังจากนั่น Conductor ของงานหรือคุณ Arnie Roth ก็ขึ้นมากล่าวทักทายผู้ชม และเริ่มบรรเลง และนี่ก็เป็นรายชื่อเพลงทั้งหมดในคราวนี้
ครับ โหมโรงด้วย Liberi Fatali อันคุ้นเคยจากภาค 8 ในระหว่างที่คอนเสิร์ทกำลังดำเนินไป โปรเจคเตอร์ก็จะฉายภาพ mv ตามไปด้วย ซึ่ง mv แต่ละอันก็จะเป็นภาพตัดต่อจาก FF ภาคนั้นๆ ทั้งฉาก cutscene ทั้งหลาย ทั้งฉากในเกม ฉาก battle หรือแม้แต่ artwork สวยๆ ดูไปฟังไป ก็คิดถึงความหลังเก่าๆ โดยเฉพาะเพลง To Zanarkand, Aerith’s Theme ซึ่งตัวเพลง To Zanarkand นี่มีทำนองที่ไม่คุ้นหู ด้วยเข้าใจว่าคงแต่งเพิ่มเข้าไป (และหลังจากกลับมาเปิดเทียบกับของปี 2002 แล้ว มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด เวอร์ชั่นที่ได้ไปฟังมานั่นสมบูรณ์กว่าเยอะมากจริงๆ) และเพลง Ronfaure นับว่าเป็นเพลงใหม่จริงๆ ของ FF ที่ได้เป็น ออเครสตร้าเวอร์ชั่น ซึ่งในเวอร์ชั่นออเครสตร้า นั้นได้อารมณ์ที่ต่างไปจากของต้นฉบับโดยสิ้นเชิง
Mv หลายๆ เพลงก็มีเล่นมุขไม่น้อย เช่น Don’t be Afraid เปิดมา เป็นฉากตอนที่พวกสควอล บุกตีเมือง… (อะไรสักอย่าง ที่ตอนแรก ออกมาเป็นแผ่นเดโม่ ให้ลองเล่นนั่นนะแหละ) และก็ได้ยินเสียงหมาเห่ามาก่อนเลย… เรียกเอาเสียงฮาจากคนดูได้ทั้งฮอล
หลังจาก Mv ดำเนินไปได้สักพัก จนพวกสควอลเจอศัตรู เพลงถึงได้เริ่มบรรเลงขึ้น… และตัว mv เองก็ดำเนินต่อไปเป็นฉาก battle ของภาค 8 ได้อารมณ์ไม่น้อยเลยละครับ ราวกับได้เจอเพื่อนเก่ายังไงหยังงั้น
โดยส่วนตัวถ้าไม่นับ Distant World แล้วก็ชอบ To Zanarkand ที่สุด และ Ronfaure ของ FF11 ก็เป็นเพลงที่ชอบมากอยู่แล้ว พอได้มาฟังแบบ ออเครสตร้า ซึ่งบรรเลงได้อารมณ์เปลี่ยนไปจากของเดิมมากมาย ก็ชอบครับ (แต่จริงๆ แล้วชอบเวอร์ชั่น fan made อีกเวอร์ชั่นนึงมากกว่า :P)
แน่นอนครับ ว่าแค่นี้มันไม่พอ หลังโอเปร่า มาเรียและดราโก้ เพลงสุดท้ายจบลง และ วาทยากร เดินออกไปแล้ว เหล่าผู้ชมก็ปรบมือและขอ อังกอร์ บางคนตะโกนออกมา One Wing Angel!! ราวกับถ้าไม่ได้ฟัง คอนเสิร์ทออเครสตร้าของไฟนอลก็จะไม่สมบูรณ์ (ฮา) ครับ วาทยากร เดินกลับมาอีกครั้ง และก็กล่าวว่างานเช่นนี้ย่อมต้องมีเซอไพรส์เสมอ และเพลงต่อไปที่จะเล่นก็คือ Terra’s Theme (หรือ Tina’s Theme ของญี่ปุ่น)จากภาค 6 นั่นเอง ผู้ฟัง ตบมือเฮกันลั่น เพลงก็เริ่มบรรเลงกันอีกครั้ง
เมื่อ mv เริ่มฉายถึงช่วงที่ ทีน่า บิก และ เวจจ์ ขับมาโดอาเมอร์ เดินในทุ่งหิมะ รายชื่อสตาฟจัดงานก็เริ่มปรากฎบนจอให้เห็น (ซึ่งตาม FF6 ในเกมจะเป็นรายชื่อสต๊าฟทำเกมเช่นเดียวกัน) หลังเพลงจบ วาทยากร เดินจากไปแล้ว ผู้ฟังก็ขออังกอร์อีกรอบ (เสียงเรียก One Wing Angel ยังคงมีอยุ่) สักพัก Arnie Roth ก็เดินกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้เขามาพร้อมกับ โนบุโอะ ทั้งคู่ก็กล่าวทักทายคนดูเล็กน้อย และบอกว่า เรามีเพลงใหม่อยู่ 5 เพลง ที่ยังไม่เคยเล่นให้ฟังมาก่อน (1.) คือ Dancing Mad จากภาค 6 (2.) คือ Jenova จากภาค 7 แต่อีก 3 เพลงนั้นผมจำชื่อไม่ได้(อารมณ์ว่า เฉยๆ ครับ ไม่ได้ฟังก็ไม่รู้สึกอะไรกับอีก 3 เพลงที่เหลือ) ซึ่งเขาอยากให้ผู้ฟังเป็นคนช่วยเลือกว่าอยากฟังเพลงไหนกันมากที่สุด ด้วยเสียงปรบมือ แต่หลังจากนั้น Arnie Roth ก็บอกว่า คุยกับ โนบุโอะ แล้ว ยังไงๆ ก็อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้กัน One Wing Angel สมใจอยากผู้ฟังในฮอลกันไปตามๆ แต่ส่วนตัวผมเอง อยากได้ยินเพลง Jenova เป็น ออเครสตร้า มากกว่านะ 😛 (หลอกให้อยากแล้วก็จากไปนิหว่า)
ปล. ทีเด็ดของ One Wing Angel ในงานรอบนื้คือ โนบุโอะ ขึ้นไปร่วมร้องคอรัสด้วยครับ (แต่ร้องจริงหรือขึ้นไปยืนอ้าปากเฉยๆ นี่มิอาจทราบได้ :P)
ปล 2. ช่วงโซโล่ กีต้าร์ (ขออภัยถ้าจำชื่อผิด) 2 เพลง รู้สึกมันไม่เข้ากับเพลงยังไงแปลกๆ ไม่ใช่เล่นไม่ดี แต่มันไม่เข้ากัน ราวๆนั้น
ขาวๆ นั่นแหละครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวเป็นๆ ตัวจริงเสียงจริง (กล้องมีปัญญาจับภาพมาได้แค่นี้ครับ ฮา)
ทุเรียน(ฮา)เรืองแสงตอนกลางคืน
ลายเซน Arnie Roth
และ โนบุโอะ อุเอมัทสึ
ปล. เอนทรี่นี้ คัดลอกมาจาก Pocketonline, GamerGate ที่เขียนไว้เมื่อ วันจันทร์ที่ 25 พ.ค. 52
สถานที่ตั้ง ของ Esplanade Concert Hall ครับ