Dragon Age Origin กับเกม RPG ยุคเก่าๆ

หลายปีแล้วครับ ที่ไม่ได้เล่นเกม RPG ฝรั่ง ที่มีเนื้อหาลึกและจริงจังรวมทั้งรู้สึกว่าตัวเราเองอยู่ในเกมนั้นจริงๆ นับตั้งแต่ Baldur’s Gate 2 (BG2) มา

ว่ากันซื่อๆ ถ้าไม่นับ Dragon Age Origin (DAO) เกมก่อนหน้าอย่าง Never Winter Night 2 (NWN2) ก็ยังตอบโจทย์เกม RPG อย่างที่ผมอยากจะเล่นได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเกมมันไม่ดี แต่เกมมันยังขาดๆ อะไรไปบางอย่าง หรือ NWN ภาคแรกนั้นยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เพราะกลายเป็นเกมที่เราบังคับเพียงแค่ตัวเดียวลุยดันเจี้ยนคนเดียว (ถ้าหากเล่นคนเดียว ไม่ได้เล่น multiplayer กับคนอื่น) ซึ่งมันผิดธรรมชาติของเกมแนว D&D มาก

bgbox

เกม RPG ฝรั่งเกมแรกที่ผมเล่นแล้ว รู้สึกร่วมไปกับตัวเกมจริงๆ ก็เห็นจะไม่พ้น Baldur’s Gate 1 นั่นนะแหละครับ แต่ด้วยความว่าอะไรสักอย่าง… ผมจำได้ว่าเล่นภาคนั้นไม่จบทั้งๆ ที่เล่นจนไปถึงเมือง Baldur’s Gate แล้ว และไม่มีโอกาสได้เล่นภาคเสริมที่ชื่อ Tales of the Sword Coast ด้วย (เกิดไม่ทันยุค Fallout 1,2 ครับ… ขอโทษด้วย)

256px-Planescape-torment-box

แต่ไม่กี่ปีถัดมา ค่าย BlackIsle ก็ได้ปล่อยผลงานระดับ master piece ชิ้นถัดมานั่นคือ Torment ซึ่งเป็นเกมแนว D&D เหมือนกันแต่ยืนพื้นบนโลกPlane Scape แทนที่จะเป็นโลก Forgotten Realm ว่ากันตรงๆ โลก Plane Scape ดูจะมีเสน่ห์มากกว่าโลก Forgotten Realm อีกในความคิดผม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เลยมีเกมนี้เกมเดียวที่ใช้โลก Plane Scape เป็นแบ็กกราวน์

จุดแตกต่างระหว่าง Plane Scape กับ Forgotten Realm ก็คือ Plane Scape จะมีบรรดาตัวละครที่พิลึกพิลั่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแสนดีของตัวเอก (Nameless One) ที่ชื่อ Morte ที่เป็นหัวกะโหลกลอยได้ หรือ หุ่นยนต์ Mordon ที่ใช้หน้าไม้เป็นอาวุธ และบรรดาเมืองในเกมก็ออกจะพิลึกไม่แพ้เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับ Forgotten Realm แล้วก็จะเป็นแฟนตาซี แบบที่ดูจริงจังกว่า และธรรมดากว่าด้วยเช่นกัน

BGIIbox BGIIToBBox

อย่างไรก็ดี เมื่อการเดินทางของเหล่าลูกๆ ของ Baal ใน Tales of the Sword Coast ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด Bioware/Black Isle ก็ได้ปล่อยภาคต่อของ BG อีกครั้งในชื่อ Baldur’s Gate 2: Shadow of Amn และภาคเสริมซึ่งเป็นบทสรุปของการเดินทางในชื่อ Throne of Bhaal แน่นอนว่าดังเป็นพลุแตกในสมัยนั้น ไม่มีเกม RPG เกมไหนที่จะทำเนื้อเรื่องได้อย่าง BG2 แล้ว

แต่ เป็นที่น่าเสียดาย… อย่างยิ่ง เมื่อค่ายแม่ของ Black Isle ในตอนนั้นที่ชื่อ Interplay ดันมีอันเป็นไปซะก่อน ตำนานของ Black Isle ก็เลยจบลงไปด้วย แต่ยังดีที่เหล่าทีมงานของ Black Isle ยังรวมตัวกันใหม่ได้กลายเป็น Obsidian ในเวลาถัดมา ส่วนทางค่าย Bioware เป็นผู้พัฒนาหลักของ Baldur Gate ก็ย้ายไปซบอก Atariให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมแทนอยู่สักพักใหญ่ๆ จนปัจจุบันโดน EA ซื้อไปอย่างที่รู้ๆ กัน (แสรดดด กรูเกลียด EA t= =t)

ในตอนแรกผมเอง ก็เฉยๆ กับ DAO แต่พอได้ยินว่าเกมนี้จะเป็นตัวแทนและเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของ Baldur’s Gate นั่นทำไมผมสนใจ DAO ขึ้นมาทันที

รูปเสีย

Dragon Age Origin เป็นเกม RPG แนว Dark Fantasy (หรือ Fantasy แนวจริงจัง ที่ไม่ได้ขายความโมเอะอย่างการ์ตูน Fantasy ญี่ปุ่นแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพบมาในเกม BG2 นั้นมีอยู่ใน DAO หมด มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเดิมๆ สมัยกราฟฟิค 2 มิติ แต่มันถูกพัฒนาถ่ายทอดออกมาเป็น 3 มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบ NWN เพราะเทคโนโลยี 3D ในตอนนั้นยังมีความสามารถไม่พอที่จะถ่ายทอดอะไรหลายๆ อย่างออกมาได้) และมีเนื้อหาที่จริงจัง เต็มไปด้วยตัวเลือก ทั้งซีเรียส ปนฮา และเลือกไม่ถูก ทางเลือกหลายๆ ทางอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ผู้เล่นมีสิทธิ์เต็มที่ ในการกำหนดทิศทางของตัวเกมในมุมมองของผู้เล่นเองเช่นเดียวกับเกมก่อนหน้านี้ ของ Bioware เอง และตัวเลือกเหล่านี้ที่เราเลือกไปจะมีผลในตอนจบเป็นข้อความบรรยายเหตการณ์ หลังจากนั้นว่าใครทำอะไรต่อ และเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รูปเสีย

ซึ่งผมพบว่าตอนจบที่ ผมเล่น มันไม่ได้สวยหรูไปทุกอย่างอย่างที่ผมคาด หรือมุมมองของผู้เล่นที่อยากจะเล่นเป็นคนดี (เล่นรอบแรกขอเล่นเป็นคนดีไว้ก่อนครับ… รอบสอง รอบสาม ถ้ามีโอกาสจะเล่นชั่วแค่ไหนเดียวค่อยว่ากัน) แก้ปัญหาทุกอย่างตามมุมมองของคนดีแต่ปัญหาบางอย่างกลับเลวร้ายกว่าเดิม

หรือ ตัวละครบางตัวที่ในสายตาตอนแรกมันเป็นคนที่น่าฆ่าทิ้งมากๆ… แต่เมื่อเล่นๆ ไปกลับพบว่ามุมมองของตัวละครตัวนี้ มีอะไรบางอย่าง ที่เราไม่คาดคิด (แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวในเกมจะเป็นแบบนี้)

เช่น เดียวกับ BG2 ในตอนจบที่สรุปเรื่องราวของพวกเราแต่ละคนหลังจากจบเกม หลายๆ คนเรื่องราวก็จบไม่สวยเท่าไหร่ แต่มันก็ดูมีเหตุผล และจริงจังในตัวของมันเอง

ทั้ง นี้ทั้งนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับผู้เขียนบทต่างๆ ที่ใส่ตัวเลือกมาให้เรามากมาย แม้ว่าหลายๆ ตัวเลือกจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน แต่มันช่วยสร้างความรู้สึกได้ว่า เราเป็นตัวละครในเกมจริงๆ เราเป็นผู้ตอบคำถามจริงๆ (ไม่ใช่ Yes No Ok อย่างเกมอื่นๆ)

ปล. ตัวละครตัวที่ผมชอบมาใน DAO คือ Shale ครับ

รูปเสีย

Shale เป็นโกเลม (สปอยเล็กน้อย) แต่ถ้าเป็นโกเลมที่ไร้อารมณ์ เชื่อฟังเจ้านายทุกอย่าง อย่างที่มันควรจะเป็น ก็คงจืดชืดไปหน่อยคนแต่งบทเลยจัดแจงใหม่

กลายเป็น โกเลม เจ้าอารมณ์ ที่เกลียดนก และสัตว์มีปีกทุกชนิดเป็นชีวิตจิตใจ

เพราะหลายปีที่ต้องยืนนิ่งๆ ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ในหมู่บ้านเพราะโดนเจ้านายคนเก่าปิดการทำงานเอาไว้

ชาวบ้านชอบเอาอาหารนกมาโปรยไว้ใกล้ๆ Shale

นก ก็เลยขี้รด Shale มาตลอด… ก็เลยเป็นโกเลมที่เกลียดนกเข้าไส้… จนเข้าขั้นจิตตก ได้ยินเสียงนกร้องเป็นไม่ได้ ต้องหันควับไปหา … และเหยียบทิ้ง

รูปเสีย

และยังชอบบดขยี้สิ่งมีชีวิตด้วยความสะใจในอารมณ์

แถมท้าย

ชุด Collector ของ Baldur’s Gate 2

IMAG0007

IMAG0008

เทียบกะชุด Collector ของ Dragon Age Origin

IMAG0004

… ความขลังต่างกันเห็นๆ เลยฟระ orz ทำไมเกมสมัยนี้ชอบให้เป็น digital content กันจังวะ

Leave a Reply