Final Fantasy XIV Online!!

FF XIV Logo
ครับ… ตื่นเต้นกับข่าวนี้พอสมควร

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 มิ.ย. 52) ราวๆ 5 ทุ่ม ใน irc ห้องประจำที่ผมเล่นอยู่ มีคนโวยวายๆ

“เมทรอย์!”

“team ninja + nintendo!”

“ซามุส อึ๋ม!”

“สุดยอด!”

…. พลาดไปซะแล้วตรู
ไม่ใช่อะไรครับ กำลังดู E3 แบบ live ผ่านทาง streaming ของ gamespot กันอยู่
ถามไปถามมา ก็รู้ว่าตอนตีหนึ่งจะเป็น Sony Press

เอาวะ… แหกตา นั่งดูด้วยคนดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องตื่นเช้า

….

ใน irc ดู สตรีมมิ่ง ถ่ายทอดสดงาน E3 หยังกับเชียร์บอลเลยครับ

“ไหนวะ! ทีเด็ดมึง”
“บู่…. อันนี้เห็นแล้ว”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ทีเด็ดมึงอะ… ปล่อยออกมาได้แล้ว”
“Home…. เอามาทำไรได้วะ…. ไม่อาวววว”

ครับ…เนื่องด้วยว่า โซนี่ โม้ไว้เยอะว่ามีทีเด็ดที่ยังไม่ได้ประกาศให้โลกรับรู้ ก็เลยนั่งลุ้นกันใจจดใจจ่อ(ด่าไปด้วย) ว่าทีเด็ดของมันคืออะไร…

แต่เออ Metal Gear Solid: Peace Walker นี่ก็น่าสนไม่ใช่น้อยนะ แฟนๆ MGS ก็คงไม่พลาดกันอยู่แล้ว
ไม่มี MGS: Rising ในรอบ Sony Press สงสัยเพราะมันไม่ exclusive แอบเสียดายเล็กน้อย

ส่วน GT:PSP นี่…. ดูขี้โม้เกินไปหน่อย ยังไม่ค่อยอยากเชื่อว่า PSP ทำได้ขนาดนั้นจริงๆ  ไว้ภาพเกมเพลย์จริงๆ ออกมาแล้วค่อยว่ากันใหม่

…. แหกตาดูจนราวๆ ตี 2 เห็นจะได้ (จำเวลาแน่นอนไม่ได้)

ก็มีฉาย trailer ของ FF13 เสียงพากษ์ เวอร์ชั่น Eng ฟังดูไม่เลวทีเดียว ไม่เหมือนเกม RPG แปล eng หลายๆ เกมที่เสียงพากษ์นั้นเข้าขั้นอัปรีย์….
พอจบ FF13 Jack Tretton ก็พูดมาว่า “เรายังจะมี FFXIV ที่จะลงให้กับ PS3 ในปีหน้า”

…หะ มันพูดเล่นมั้ง 13 ยังไม่ออกเลย จะมี 14 ได้ ไง

ทันไดนั้นไฟก็ดับลง

“หะ?..”
“ของจริง?”
“เฮ้ย”
“เฮ้ย..”
“เฮ้ย”
“เฮ้ย…………………”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

อารมณ์ใน irc ตอนนั้นราวๆ นั้นครับ…. อึ้งกิมกี่ แดกกันถ้วนหน้า…

On a forgotten page of eternity
There lies a land embraced by mighty gods
Her name…Eorzea

“… เฮ้ย ตูเห็นกัลก้า!…….”
“แล้วนั่นมันเอลวานใช่ม้ายยยย”

เผ่าที่คุ้นเคย…. หน้าตาตัวละครที่คุ้นๆ….

ตามคาดเลยครับ…. พอขึ้นโลโก้ขึ้นมา ก็มีคำว่า Online ตามมาติดๆ…..

“เฮ้ยยยยย Online!”
“FFXIV Online!”

…… เจอกันปีหน้า!

หลังจากนี้ ก็ไม่ค่อยมีอะไรละ เป็นโชว์ เทคโนโลยี ใหม่ ที่ดูแล้วหยังกับมาเล่นจำอวดให้ดู… กับเกมใหม่ ที่ละม้ายคล้ายไปทาง Little Big Planet แต่เป็นเกมขับรถแทน สรุปว่า ได้นอนเกือบตี 3 ครับ…

ปล. ผมเล่น FFXI อยู่ เล่นมาตั้งแต่เซิฟเวอร์เปิด ปีนี้ก็เป็น ปีที่ 7 ย่างเข้าสู่ปี่ที่ 8 แล้ว
ปล 2. แต่ราวๆ ช่วง ปีที่ 3  ผมหนีหายไปเล่น World of Warcraft แทน… เป็นเวลาราวๆ 2 ปี
ปล 3. แต่ช่วงที่เล่น World of Warcraft ก็ไม่ได้เล่นตลอดเวลา เล่นๆ หยุดๆ เป็นช่วงๆ มากกว่า

[Distant World music from FINAL FANTASY] เล่าความประทับใจ

ไปมาแล้วครับ Distant World music from FINAL FANTASY

คอนเสิร์ทคราวนี้จัดที่สิงก์โปรที่งาน 2009 Singapore Arts Festival วันที่ 22 ถึง 23 เดือน พ.ค. 52 ณ Esplanade Concert Hall มี 3 รอบเวลา  รอบที่กลุ่มผมไปกันคือรอบวันศุกร์ตอนเย็น 2ทุ่ม ออกจากเมืองไทย 7.45 ตอนเช้า ถึงที่สิงก์โปร ออกจากสนามบิน ราวๆ เที่ยวพอดี ก็เดินเที่ยวรอบโรงแรมกันสักพัก หาของกิน ถึงค่อยไปดูสถานที่จัดงานกัน

imag0029_3560391416_o

ตัวสถานที่ที่จัดงาน เป็นศูนย์รวมการแสดงทางศิลปะของสิงก์โปรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเขา มีทั้งการแสดงการแจ้ง ที่ใครเดินผ่านมาก็แวะมาดูกันได้ และแบบที่จัดภายในตัวอาคารที่ต้องเสียเงินเข้าไปดูกัน

imag0033_3562798240_o

ที่หน้าทางเข้าตัวฮอลเอง ก็มีขายสิ้นค้าจาก Concert Distant World รอบปี 2007 ด้วยเล็กน้อย ผมเองก็ตบมา 2 ชิ้น เป็น CD เพลงและ Artbook

imag0135_3560218550_o

พอเข้าไปนั่งรอได้สักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มแสดง แสงไฟก็ฉายไปที่ชายคนนึงกำลังเดินไปยังที่นั่ง แต่งชุดขาวทั้งตัว มีผ้าโผกหัวสีขาว ไม่ใช่ใครครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวจริงเสียงจริงนั่นเอง  หลังจากนั่น Conductor ของงานหรือคุณ Arnie Roth ก็ขึ้นมากล่าวทักทายผู้ชม และเริ่มบรรเลง และนี่ก็เป็นรายชื่อเพลงทั้งหมดในคราวนี้

FINAL FANTASY VIII: Liberi Fatali
FINAL FANTASY X: To Zanarkand
FINAL FANTASY VIII: Don’t be afraid
FINAL FANTASY VII: Aerith’s Theme
FINAL FANTASY I-III: Medley 2002
FINAL FANTASY V: Dear Friend
FINAL FANTASY IX: Vamo’ alla Flamenco
FINAL FANTASY XI: Ronfaure
FINAL FANTASY series: Main Theme
พักครึ่ง
FINAL FANTASY VII: Opening – Bombing Mission
FINAL FANTASY VIII: Fisherman’s Horizon
FINAL FANTASY XI: Memoro de la Stono – Distant World
FINAL FANTASY IV: Theme of Love
FINAL FANTASY series: Swing de Chocobo
FINAL FANTASY VIII: Love Grows
FINAL FANTASY VI: Opera “Maria and Draco”

ครับ โหมโรงด้วย Liberi Fatali อันคุ้นเคยจากภาค 8 ในระหว่างที่คอนเสิร์ทกำลังดำเนินไป โปรเจคเตอร์ก็จะฉายภาพ mv ตามไปด้วย ซึ่ง mv แต่ละอันก็จะเป็นภาพตัดต่อจาก FF ภาคนั้นๆ ทั้งฉาก cutscene ทั้งหลาย ทั้งฉากในเกม ฉาก battle หรือแม้แต่ artwork สวยๆ ดูไปฟังไป ก็คิดถึงความหลังเก่าๆ โดยเฉพาะเพลง To Zanarkand, Aerith’s Theme ซึ่งตัวเพลง To Zanarkand นี่มีทำนองที่ไม่คุ้นหู ด้วยเข้าใจว่าคงแต่งเพิ่มเข้าไป (และหลังจากกลับมาเปิดเทียบกับของปี 2002 แล้ว มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด เวอร์ชั่นที่ได้ไปฟังมานั่นสมบูรณ์กว่าเยอะมากจริงๆ) และเพลง Ronfaure นับว่าเป็นเพลงใหม่จริงๆ ของ FF ที่ได้เป็น ออเครสตร้าเวอร์ชั่น ซึ่งในเวอร์ชั่นออเครสตร้า นั้นได้อารมณ์ที่ต่างไปจากของต้นฉบับโดยสิ้นเชิง

Mv หลายๆ เพลงก็มีเล่นมุขไม่น้อย เช่น Don’t be Afraid เปิดมา เป็นฉากตอนที่พวกสควอล บุกตีเมือง… (อะไรสักอย่าง ที่ตอนแรก ออกมาเป็นแผ่นเดโม่ ให้ลองเล่นนั่นนะแหละ) และก็ได้ยินเสียงหมาเห่ามาก่อนเลย… เรียกเอาเสียงฮาจากคนดูได้ทั้งฮอล
หลังจาก Mv ดำเนินไปได้สักพัก จนพวกสควอลเจอศัตรู เพลงถึงได้เริ่มบรรเลงขึ้น… และตัว mv เองก็ดำเนินต่อไปเป็นฉาก battle ของภาค 8 ได้อารมณ์ไม่น้อยเลยละครับ ราวกับได้เจอเพื่อนเก่ายังไงหยังงั้น

โดยส่วนตัวถ้าไม่นับ Distant World แล้วก็ชอบ To Zanarkand ที่สุด และ Ronfaure ของ FF11 ก็เป็นเพลงที่ชอบมากอยู่แล้ว พอได้มาฟังแบบ ออเครสตร้า ซึ่งบรรเลงได้อารมณ์เปลี่ยนไปจากของเดิมมากมาย ก็ชอบครับ (แต่จริงๆ แล้วชอบเวอร์ชั่น fan made อีกเวอร์ชั่นนึงมากกว่า :P)

แน่นอนครับ ว่าแค่นี้มันไม่พอ  หลังโอเปร่า มาเรียและดราโก้ เพลงสุดท้ายจบลง และ วาทยากร เดินออกไปแล้ว เหล่าผู้ชมก็ปรบมือและขอ อังกอร์ บางคนตะโกนออกมา One Wing Angel!!  ราวกับถ้าไม่ได้ฟัง คอนเสิร์ทออเครสตร้าของไฟนอลก็จะไม่สมบูรณ์ (ฮา) ครับ วาทยากร เดินกลับมาอีกครั้ง และก็กล่าวว่างานเช่นนี้ย่อมต้องมีเซอไพรส์เสมอ และเพลงต่อไปที่จะเล่นก็คือ Terra’s Theme (หรือ Tina’s Theme ของญี่ปุ่น)จากภาค 6 นั่นเอง ผู้ฟัง ตบมือเฮกันลั่น เพลงก็เริ่มบรรเลงกันอีกครั้ง

เมื่อ mv เริ่มฉายถึงช่วงที่ ทีน่า บิก และ เวจจ์ ขับมาโดอาเมอร์ เดินในทุ่งหิมะ รายชื่อสตาฟจัดงานก็เริ่มปรากฎบนจอให้เห็น (ซึ่งตาม FF6 ในเกมจะเป็นรายชื่อสต๊าฟทำเกมเช่นเดียวกัน) หลังเพลงจบ วาทยากร เดินจากไปแล้ว ผู้ฟังก็ขออังกอร์อีกรอบ (เสียงเรียก One Wing Angel ยังคงมีอยุ่)  สักพัก Arnie Roth ก็เดินกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้เขามาพร้อมกับ โนบุโอะ ทั้งคู่ก็กล่าวทักทายคนดูเล็กน้อย และบอกว่า เรามีเพลงใหม่อยู่ 5 เพลง ที่ยังไม่เคยเล่นให้ฟังมาก่อน (1.) คือ Dancing Mad จากภาค 6 (2.) คือ Jenova จากภาค 7 แต่อีก 3 เพลงนั้นผมจำชื่อไม่ได้(อารมณ์ว่า เฉยๆ ครับ ไม่ได้ฟังก็ไม่รู้สึกอะไรกับอีก 3 เพลงที่เหลือ) ซึ่งเขาอยากให้ผู้ฟังเป็นคนช่วยเลือกว่าอยากฟังเพลงไหนกันมากที่สุด ด้วยเสียงปรบมือ แต่หลังจากนั้น Arnie Roth ก็บอกว่า คุยกับ โนบุโอะ แล้ว ยังไงๆ ก็อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้กัน One Wing Angel สมใจอยากผู้ฟังในฮอลกันไปตามๆ แต่ส่วนตัวผมเอง อยากได้ยินเพลง Jenova เป็น ออเครสตร้า มากกว่านะ 😛 (หลอกให้อยากแล้วก็จากไปนิหว่า)

ปล. ทีเด็ดของ One Wing Angel ในงานรอบนื้คือ โนบุโอะ ขึ้นไปร่วมร้องคอรัสด้วยครับ (แต่ร้องจริงหรือขึ้นไปยืนอ้าปากเฉยๆ นี่มิอาจทราบได้ :P)

ปล 2. ช่วงโซโล่ กีต้าร์ (ขออภัยถ้าจำชื่อผิด) 2 เพลง รู้สึกมันไม่เข้ากับเพลงยังไงแปลกๆ ไม่ใช่เล่นไม่ดี แต่มันไม่เข้ากัน ราวๆนั้น

imag0035_3559414945_o
ขาวๆ นั่นแหละครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวเป็นๆ ตัวจริงเสียงจริง (กล้องมีปัญญาจับภาพมาได้แค่นี้ครับ ฮา)

imag0041_3562801918_o
ทุเรียน(ฮา)เรืองแสงตอนกลางคืน

imag0138_3559367395_o
ลายเซน Arnie Roth

imag0139_3560187928_o
และ โนบุโอะ อุเอมัทสึ

ปล. เอนทรี่นี้ คัดลอกมาจาก Pocketonline, GamerGate ที่เขียนไว้เมื่อ วันจันทร์ที่  25 พ.ค. 52

สถานที่ตั้ง ของ Esplanade Concert Hall ครับ