ยาวนานเหลือเกิน
เริ่มทำครั้งแรกช่วงปีที่แล้ว หลังจากต่อ theBang ที่เป็นตัวแรกสุดของไลน์นี้ไปแล้วสงสัยในความห่วยบัดซบของตัวโม เลยไปหยิบ Terror Mirage ที่เป็นตัวล่าสุดในตอนนั้นมาต่อดูเล่นๆ ก็เจอหลายจุดที่ปรับปรุงจากตัวแรก แต่หลายจุดห่วยแบบไหนก็ห่วยแบบนั้น ซึ่งเพิ่งได้หยิบกลับมาทำต่อจริงจังอีกครั้งก็ช่วงหลังจบงาน ปุจิไกสองตัว ไปตอนเดือน พ.ค. ปีนี้ แต่กว่าจะเสร็จก็เล่นไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. เลยทีเดียว
ในดีไซน์ตอนแรก Terror Mirage จริงๆ เป็นตัวที่ผมเฉยๆ เอามากๆ ที่ซื้อมาก็คือซื้อๆ ให้ครบไลน์ IMS ไปก่อน รู้สึกว่ามันออกไปทางไม่ค่อยสวยด้วยซ้ำ ด้วยลักษณะของเกราะ ที่ออกจะดูตันๆ เมื่อเทียบกับตัวอื่น แต่พอเริ่มๆ ต่อไปก็เริ่มพอจะเห็นภาพว่า ความสวยของมันอยู่ตรงไหนบ้าง จัดเกราะไหล่แบบไหน ถึงจะออกมาสวย กับบูเมอแรง อาวุธที่ควรจะถือเป็นส่วนหนึ่งของตัวหุ่น หลังจากเริ่มทำไปได้สักพักก็คิดว่า ตัวนี้ควรจะต้องทำผิวขัดมันทั้งตัว ให้ได้ เวลาถ่ายรูปออกมามันน่าจะต้องสวยเอามากแน่ๆ
ความเหนื่อยอย่างแรก หลังจากต่อ ก็พบว่าเกราะบางจุดไม่สามารถยึดเข้ากับเฟรมในได้ด้วยตัวเอง ต้องทากาวอย่างเดียว อย่างที่สอง อาวุธบูเมอแรง ให้ชิ้นส่วนพอเลือกทำได้แค่แบบพับเก็บหรือแบบกางออกเท่านั้น อย่างที่สาม รูแกนหลายๆ จุดแน่นเกินไป พอพยายามยัดลงช่องทางๆ ตามคู่มือ มันก็จะเริ่มเห็นพลาสติกออกอาการร้าวทันที (ต่อ FFS มาสามตัวเป็นหมดทุกตัวไอ้การทำรูมาฟิตเกินไปจนทำโครงสร้างข้างในมันร้าวเนี่ย)
ปัญหาข้อสามก็แก้ได้ด้วยการฝน/เฉือนเนื้อพลาสติกออกไปบ้างตอนทดลองประกบจนกว่าจะรู้สึกว่ามันไม่ไปดันตัวพลาสติกมากเกินไปตามปรกติ ส่วนข้อแรกก็พิจารณาเป็นจุดๆ ว่าพอจะดัดแปลงยังไงให้ถอดประกอบได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็จำใจรอติดกาวหลังทำสีเสร็จไป ข้อสองก็ไปนั่งกุมกบาลอยู่พักใหญ่ๆ เพราะไม่เคยต้องดัดแปลงอะไรโหดๆ ขนาดนี้ แต่พอลองทำดูแล้วก็ไม่ได้ยากมากอย่างที่คิดละนะ
ต่อ FSS มาสามตัว สิ่งที่จะเจอเหมือนๆ กันก็คือ ผิวเกราะนอกที่หยาบมาก มีทั้งรอยตะเข็บ รอยบุ๋ม ผิวส้ม สารพัด ฯลฯ ระดับความเหนื่อยก็ขึ้นกับจำนวนชิ้นที่ต้องขัดผิวใหม่ ซึ่ง Terror Mirage นี่ก็จะเยอะกว่าชาวบ้านหน่อย ในด้านการประกอบ นอกเหนือจากทากาว ขัดเก็บรอยต่อ ก็มีจุดที่ดัดแปลงแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ บ้าง
ส่วนกระบังเกราะตรงหัว เสริมแผ่นพลาสติกไป เพื่อให้ยัดลงรูได้พอดี จะได้ถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนไปมาได้
เฟรมแขน กับ เกราะแขน เจาะรูฝังแม่เหล็กลงไป จะได้ถอดประกอบได้ ไม่ต้องใช้กาวยึด
เกราะแขนด้านนอก เดิมจะไม่สามารถยึดชิ้นส่วนโพลี่แค๊ปที่ใช้ยึดเกราะแขนอีกชิ้นได้ เลยใช้วิธีเสริมพลาสติกเพิ่มความหนาของช่อง เพื่อทำให้ชิ้นโพลี่แค๊ปเสียบเข้าไปได้โดยไม่หลุดออกมา
บูเมอแรง เดิมให้ชิ้นส่วนพอทำแบบต้องเลือกว่าจะทำแบบพับหรือแบบกางออกโดยต้องทากาวติดตาย ตอนแรกเจาะรูฝังแม่เหล็กเอาแต่แรงยึดไม่พอ เลยเจาะรูฝังแกนเหล็กเพิ่มเข้าไป จะได้ถอดเปลี่ยนสลับไปมาระหว่างแบบพับเก็บกับแบบกางออกเป็นอาวุธได้
ในระหว่างทดลองประกอบก็ไปทำแกนบูเมอแรงหักตอนพยายามดึงแยกชิ้นส่วนออก แต่โชคดีที่ตัวแกนมันเป็นขนาด 3 มม. เลยไปตบซากรันเนอร์ มาฝังแกนเหล็กแล้วเสียบกลับแทนแกนอันเก่า ยึดด้วยกาวช้างก็ใช้งานได้ละ ความยากอยู่ตรงที่เล็งรูให้ตรงกับของเดิมมากกว่า ตอนฝังรอบแรกเจาะรูเบี้ยวไปเยอะ ชิ้นงานเลยออกมาบูเมอแรงสองข้างไม่เท่ากัน เลยต้องถอดของเก่าทิ้งไป ไอ้ตอนถอดแกนเก่า ก็ไปทำแกนเหล็กอันแรกหักคาชิ้นงานถอนไม่ออกอีก เลยจำใจต้องผ่าชิ้นงานจากด้านนอก ไปควานเอาแกนเหล็กออกมาแล้วอีโป๊วกลบรูเอา ถึงจะได้เจาะรูทำแกนอันใหม่
นอกจากแกนบุเมอแรง ก็มีแกนยึดโล่กับตัวหุ่นที่หักตอนดึงออกเพราะจ้อยน์ทำมาฟิตไปอีก โชคดีที่อันนี้ไปถอนแกนออกจากบอลจ้อยน์ได้ทั้งชิ้น เลยดามด้วยแกนเหล็กแล้วทากาวช้างแปะซ่อมไปเลย แล้วก็เอากระดาษทรายขัดให้แกนบางลงนิดนึง
แต่ที่ระทึกที่สุดเลยคือ ก่อนเอาขึ้นกล้องพอจับงอแขนจะตั้งท่าถือบูเมอแรงแค่นั้นแหละ ไอ้ชิ้นข้อต่อต้นแขนดันหักเอาดื้อๆ เล่นเอานอยด์ไปพักใหญ่ๆ แต่พอถอดชิ้นส่วนออกมาสำรวจความเสียหาย แล้วผ่าเอาเศษซากที่หักคาออกมานั้น ก็พบว่า หักท่านี้กาวช้างน่าจะเอาอยู่ คือปรกติแล้วการหักที่ข้อต่อมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายเอามากๆ เพราะซ่อมไม่ค่อยได้ แค่จุดนี้เป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่กาวช้างได้ ก็หยอดกาวแล้วสำรวจความแข็งแรงสักพัก ก็คิดว่าใช้งานได้ละ เลยจับประกอบกลับเป็นตัวใหม่แล้วเอาขึ้นตู้ถ่ายรูปได้ รอดตัวไป…
สีหลักๆ ที่ใช้มีสามสีเป็น gunmetal สำหรับทำเฟรมใน ส่วนเกราะนอกใช้สีน้ำเงินผสมเองสองขวด
ส่วนดีเทลสีส้ม รองพื้นด้วยสีส้ม แล้วใช้สีเหลือง blue angel พ่นทับ
ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ทดลองทำสีแบบขัดมันทั้งตัว หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานก็ได้ขั้นตอนทำสีขัดมันที่คิดว่าดีสุดในตอนนี้ละคือ
- ลงสีหลักให้เสร็จ
- เอากระดาษทรายเบอร์ 1000 – 2000 ลูบ
- ถ้ามีจุดที่สีลอกจนทะลุไปชั้นรองพื้น หรือเนื้อพลาสติกก็ลงสีซ้ำแก้
- พ่นเคลียครั้งที่หนึ่ง
- ขัดมันด้วยเบอร์ 2400/4000 ไล่ไปจนถึง 8000
- พ่นเคลียครั้งที่สอง
- ขัดมันด้วยเบอร์ 8000 อีกครั้งแล้วลง compound
เสียเวลาเป็นบ้า! ตัวหน้าจะไม่ทำสีขัดมันทั้งตัวแบบนี้แล้ว!
ตัวดาบ ตอนแรกก็ทำสีเสร็จแล้ว แต่พอเสียบดาบเข้าไปในฝัก แล้วดึงออกมา โอ.. สีลอกเต็มเลย เลยเอามาล้างสีทิ้ง แล้วมานั่งขัดกระดาษทรายใหม่ ให้บางลงจนถอดเข้าออกจากฝักได้แบบไม่ต้องใช้แรงฝืน ถึงเอาไปทำสีใหม่ สีที่เลือกใช้ตอนแรกใช้ starbright silver ของไกอาตามใบประกอบ ก็พบว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย เลยเปลี่ยนไปใช้สีโครมของ modo แทนออกมาน่าพอใจเลยทีเดียว
นับรวมๆ ทำมาน่าจะห้าเดือน ก็คิดว่าควรจะต้องพอได้ละ จริงๆ ยังมีจุดที่คิดว่าทำเพิ่มต่อได้อีกแต่ไม่เอาแล้ว มันควรจะจบตรงนี้ได้สักที หลังจากนี้ก็จะได้จัดโต๊ะ workspace ใหม่แล้วลงมือทำตัวอื่นบ้างได้ละ
รูปภาพอื่นๆ แบบ hi-res ดูได้ที่นี่