Full set Homam

blu1

เมื่อวานในที่สุดก็ได้ Homam ครบ 5 ชิ้นแล้ว เลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย *-*

blu2

แต่จริงๆแล้ว บลูเมจผม จะไม่ได้ใช้หัวกับตัว Homam หรอก จะใช้ชุดนี้เป็นชุดลุยหลักมากกว่า

race [Hume] face [M2a]

Hm2a

เผ่า Hume เพศ ชาย หน้า เบอร์ 2a

เป็นรูปจาก character creation เวลาเล่นจริงโมเดลจะหยาบกว่านี้เยอะ

aldo

หากเป็น b จะเป็นผมทอง

คนนี้คือ Aldo มาจาก Opening Movie ของ FF11

Capture6

คาดว่าหน้าเดียวกัน จาก trailer ของ FFXIV ยังไม่มีชื่อ (สงสัยจะไม่มีชื่อ)

Capture7

ส่วนนี่ Rush Sykes พระเอก Last Remnant
… หยังกับถอดแบบกันมา ใช้คาแรกเตอร์ดีไซน์คนเดียวกันเปล่าเนี่ย

จากผลสำรวจ census 2008 หน้านี้เป็นหน้ายอดนิยมอันดับสองของ FF11 เวลาคนสร้างเผ่า Hume ชายครับ (รวมผมทั้ง 2 สี)

NPC สำคัญๆ หลายๆ ตัวใน FF11 ก็ใช้หน้านี้ละครับHume M2 เป็นหน้าที่โหลมาก…

wolfgang

เช่น Wolfgang หัวหน้าการ์ดแห่งเมือง Jeuno

Razfahd

คุณพี่ Razfahd แห่ง Aht Urhgan

Mayakov

แต่ที่เห็นแล้วกุมขมับที่สุดต้องยกให้ Mayakov จาก Wing of Goddess เลยครับ…

หมอนี่เป็น Dancer หัวหน้าคณะ Troupe Mayakov ดูจากชุดก็รู้ว่า เป็นเกย์แท้ 100%

แถมภาษาที่ใช้ยังแรดสุดตีนด้วย! เวลามันพูดตัว s,c มันจะเขียนเป็น th หมด

เช่น Return at once! Your behavior is unacceptable -> Return at onthe! Your behavior ith unactheptable!

… ไม่แนะนำให้เขียนเลียนแบบ ไม่ว่าเหตผลใดๆ…. อ่านยาก max max

ใครคนไหนสร้างคาแรกเตอร์แล้วใช้หน้า Hume M2a

มาเล่น Wing of Goddess Mission แล้วเจอหมอนี่โผล่มาใน cutscene ทีไร เซ็งกันตามๆ ทุกที

หะๆๆ…

วานาดีล สู่ เอโอเซียร์ (ไฮเดลิน)

ว่ากันต่อจากคราวที่แล้วเกี่ยวกับ FFXIV

การเปิดตัวของ FFXIV มีผลกระทบกับ FFXI พอสมควรครับ

บางคนก็ว่า เป็นโอกาศดีที่จะหยุดพักเตรียมตัวเพื่อย้ายไปยังโลกใหม่
บางคนก็ว่า ยังไม่อยากเลิกเล่น FFXI และก็ไม่คิดจะไปเล่น FFXIV
บางคนก็ว่า FFXI คงจะถึงจุดจบแล้ว

… ใจเย็นๆ กันก่อน

ถ้ายังมีคนเล่นอยู่ FFXI ก็คงไม่ปิดลงง่ายๆ แหล่งทำเงินทำทองของสี่เหลี่ยมเลยนะนั่น ตัวเกมภาค Wing of Goddess เองเนื้อเรื่องก็ยังไม่จบด้วย

… หรืออย่างน้อยๆ ก็จนกว่า FFXIV จะออก และทุกคนหนีไปเล่น FFXIV กันหมด ไม่หลงเหลือคนเล่น FFXI แบบนี้ไม่ว่าค่ายเกมไหนๆ ก็คงปิดทิ้งละครับ จะเปิดไว้เปลืองค่า maintainance server ไปทำไม

แล้วทุกคนจะหนีไปเล่น FFXIV กันหมดเลยหรือ?

คงยากเล็กน้อย

ยังไงเกมมันก็คนละภาคกัน คนละระบบกัน คงไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกับระบบใหม่ของภาค 14 กัน

… แต่ตัวละครกลับคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้น

คนที่ดู trailer แล้ว และเคยสัมผัสกับภาค 11 หรือเคยติดตามข่าวสารของภาคนี้ ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเผ่าพันธ์ของ ภาค 14 (แต่กัลก้าหางหายนะ!)

สี่เหลี่ยมบอกไว้ว่าที่ทำแบบนี่ ก็เพื่อที่จะให้คนที่ย้ายจากภาค 11 มา รู้สึกคุ้นเคยกับภาค 14 ได้ทันที ถึงจะมีรูปร่างเหมือนกัน แต่ก็จะเป็นคนละเผ่ากัน ชื่อจะเป็นชื่อใหม่ และจะมีการปรับรายละเอียดค่า status ของแต่ละเผ่าใหม่  ใหม่ยังไง… ไม่รู้… แต่คราวนี้ กัลก้า อาจจะเก่งมนต์ดำก็ได้! (ไม่หรอกมั้ง…)

… แปลว่า สี่เหลี่ยม จะทิ้งภาค 11 จริงๆ?

ไม่ว่ายังไงก็ตาม จากบทสัมภาษณ์ ล่าสุด สี่เหลี่ยมบอก ไว้ว่าจะให้บริการเกมทั้ง 2 เกมแบบคู่ขนานกัน และตั้งใจจะไม่ทิ้งคนที่เล่นภาค 11 เด็ดขาด

… กาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้  ไม่แน่ครับภาค 14 อาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ได้ (หวังว่าจะไม่ใช่แบบนั้น)

ตัวผมเอง ถึงจะยังเล่น FFXI อยู่ แต่ผมเองก็ไม่ค่อยชอบอะไรหลายๆ อย่างที่ FFXI มันเป็น หนึ่งในนั้นคือคำว่า PS2 Limitation

… เป็นคำกล่าวอ้างที่ฟังกี่ทีก็เซ็งเป็ดทุกที

ที่มาของคำๆ นี้คือ เดิมที FFXI เป็นเกม MMORPG ที่ลงให้กับ PS2 จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีคนที่เล่น FFXI บน PS2 อยู่ แม้ว่าทุกวันนี้ จะมีให้เลือกเล่นบน PC และ Xbox360 ด้วยก็ตาม

แล้วทำไมถึงไม่ทิ้ง PS2 ไว้แบบนั้น แล้วไปพัฒนาของ PC กับ 360 ให้มันดูดีกว่านี้

เพราะผู้เล่นบน PS2 ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ที่ สี่เหลี่ยมจะเมินไปได้ง่ายๆ  และ สี่เหลี่ยมต้องการให้ช่องว่างของ ทั้ง 3 เวอร์ชั่นแตกต่างกันน้อยที่สุดนั่นเอง

ดังนั้นระบบ หลายๆ อย่าง รวมทั้ง อินเตอร์เฟสของภาค FFXI จึงได้โบราณอยู่แบบนั้น ไม่สามารถทำให้มันดีกว่านั้นได้ รวมไปถึงกราฟฟิค ที่ไม่มีทีท่าว่าจะอัปเกรดขึ้นมาได้เลย

เพราะ PS2 Limitation ….

หรือจริงๆ แล้วอาจจะเป็นความขี้เกียจของทีมงานที่จะทำอะไรสักอย่าง ก็เลยอ้างว่า PS2 Limitation ไป…

… แต่หวังว่าหลังจากนี้ผ่านไป 5 ปี ผมจะไม่ได้ยินคำว่า PS3 Limitation นะ

 

มีอีกประเด็นที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ คนที่ยังเล่น FFXI อยู่และคิดจะไปเล่น FFXIV ด้วย นั่นคือ เราจะย้ายตัวละครไปได้ไหม?

… เพ้อเจ้อครับ เมื่อพิจารณาจากหลายๆ อย่างตั้งแต่ความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้เล่นใหม่ กับผู้เล่นเก่า บนเกมใหม่, ระบบใหม่หมด, FFXIV ไม่ได้ใช้ระบบเลเวลด้วย ฯลฯ

สี่เหลี่ยม บอกไว้ว่า หากทำแบบนั้นจริงๆ เท่ากับเป็นการบังคับให้ผู้เล่นย้ายไปเกมใหม่กัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ทางทีมงานเองจะพยายามทำให้คนที่อยากมาเล่นเกมใหม่นั้น สะดวก และ รู้สึกคุ้นเคยมากที่สุด หนึ่งในวิธีที่พิจารณาไว้คือ ให้โอกาศเลือกชื่อเดิมไปยังโลกใหม่ได้

ต้องขอยก quote จาก เว็บบล็อกแห่งนึง

JPButton ผมไม่แน่ใจว่าคนเขียนคอลัมน์หลักๆ ของเว็บนี้เป็นชาวอะไร แต่เขามักจะเขียนอะไรที่เป็นอีกมุมมองนึงของผู้เล่นชาวญี่ปุ่น หรือหลายครั้งก็ทำแบบสอบถาม ระหว่าง NA และ JP (แลกกันถามตอบ) บางครั้งก็มีสอนภาษาด้วย ซึ่งศัพท์ที่ยกมาส่วนใหญ่ ก็มักจะเกี่ยวกับ FFXI หรือบทสนทนาที่จะได้เห็นในตอนเล่น FFXI

ในเอนทรี่ที่ชื่อว่า Final Fantasy XIV – JP Player Early Impressions เองก็มีพูดถึงประเด็นของการย้ายจาก XI -> XIV ไว้

ที่น่าสนใจคือ ทั้งผู้เล่นชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ ต่างก็พูดถึงเรื่องการย้ายตัวละครไปสู่โลกใหม่กัน
ซึ่งชาวญี่ปุ่นเอง ก็ไม่มีข้อมุลใดๆ ทั้งนั้นว่ามันจะทำได้ (และคงไม่มีทางเป็นไปได้)

ประโยคที่ผมชอบมากในเอนทรี่นี้คือ

“fairy tale dreamt up by hopeless FFXI addicts.”

… แปลกันตรงๆ ความฝันลมๆ แล้งๆ ของเหล่าผู้ที่ติด FFXI จนเกินเยี่ยวยา

โดน….. ไม่ใช่น้อย

แต่ผมก็อยากให้ย้ายตัวละครไปได้อยู่ดีอะ… Nirvales ของผม lv 75 4 Job เชียวนะ!
…แถมตั้งใจจะเก็บ Job ที่ 5 เป็น Ranger ด้วยอะ!

 

hopeless FFXI addicts!

 

… orz

 

เล็กๆ น้อยๆ

วานาดีล (Vana’diel) คือชื่อโลกของ FFXI

ดินแดนหลักที่ผู้เล่นจะอยู่อาศัยกันในโลกของ วานาดีล คือ Middle land  ไม่ใช่ Middle Earth จาก Lord of the Ring แต่อย่างใด โดยมีทวีป คูออน (Quon) และ มินดาร์เทีย(Mindartia) เชื่อมติดกันตรงกลางด้วยเมืองท่า จูโน่ (Jeuno)

ในภายหลัง ได้มีภาคเสริมออกมาเพิ่มทวีปใหม่ ที่เรียกกันว่า Aradijah หรือ แถบ Near East ซึ่งเป็นที่ตั้งของ จักรวรรดิ์ อาท เออกัน (Aht Urhgan) ปัจจุบัน กลายเป็นเมืองหลวงของ FFXI ไปซะแล้ว…

แต่ในเกมเองยังมีกล่าวถึงดินแดน Far East ด้วย ซ๊่งน่าจะหมายถึงประเทศแทบ เอชีย นั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าผู้เล่นจะได้ไปเยือน Far East สักที

อย่างไรก็ดี ยังมีแผ่นดิน Ubulka จาก Far West อีกแห่ง ที่ในตัวเกมไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร ถ้าเทียบกับโลกปัจจุบัน ก็น่าจะเป็น อเมริกา ยุคที่มีแต่อินเดียนแดง ชุด bison jacke เองก็มาจาก Ubulkaเช่นกัน

เอโอเซียร์ (Eorzea) คือชื่อแผ่นดินของ FFXIV ที่ผู้เล่นจะได้ไปผจญภัยกัน ในขณะที่ ไฮเดลิน (Hadeln) คือชื่อโลกของ FFXIV

reference: http://wiki.ffxiclopedia.org/wiki/

Final Fantasy XIV Online!!

FF XIV Logo
ครับ… ตื่นเต้นกับข่าวนี้พอสมควร

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 มิ.ย. 52) ราวๆ 5 ทุ่ม ใน irc ห้องประจำที่ผมเล่นอยู่ มีคนโวยวายๆ

“เมทรอย์!”

“team ninja + nintendo!”

“ซามุส อึ๋ม!”

“สุดยอด!”

…. พลาดไปซะแล้วตรู
ไม่ใช่อะไรครับ กำลังดู E3 แบบ live ผ่านทาง streaming ของ gamespot กันอยู่
ถามไปถามมา ก็รู้ว่าตอนตีหนึ่งจะเป็น Sony Press

เอาวะ… แหกตา นั่งดูด้วยคนดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องตื่นเช้า

….

ใน irc ดู สตรีมมิ่ง ถ่ายทอดสดงาน E3 หยังกับเชียร์บอลเลยครับ

“ไหนวะ! ทีเด็ดมึง”
“บู่…. อันนี้เห็นแล้ว”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ทีเด็ดมึงอะ… ปล่อยออกมาได้แล้ว”
“Home…. เอามาทำไรได้วะ…. ไม่อาวววว”

ครับ…เนื่องด้วยว่า โซนี่ โม้ไว้เยอะว่ามีทีเด็ดที่ยังไม่ได้ประกาศให้โลกรับรู้ ก็เลยนั่งลุ้นกันใจจดใจจ่อ(ด่าไปด้วย) ว่าทีเด็ดของมันคืออะไร…

แต่เออ Metal Gear Solid: Peace Walker นี่ก็น่าสนไม่ใช่น้อยนะ แฟนๆ MGS ก็คงไม่พลาดกันอยู่แล้ว
ไม่มี MGS: Rising ในรอบ Sony Press สงสัยเพราะมันไม่ exclusive แอบเสียดายเล็กน้อย

ส่วน GT:PSP นี่…. ดูขี้โม้เกินไปหน่อย ยังไม่ค่อยอยากเชื่อว่า PSP ทำได้ขนาดนั้นจริงๆ  ไว้ภาพเกมเพลย์จริงๆ ออกมาแล้วค่อยว่ากันใหม่

…. แหกตาดูจนราวๆ ตี 2 เห็นจะได้ (จำเวลาแน่นอนไม่ได้)

ก็มีฉาย trailer ของ FF13 เสียงพากษ์ เวอร์ชั่น Eng ฟังดูไม่เลวทีเดียว ไม่เหมือนเกม RPG แปล eng หลายๆ เกมที่เสียงพากษ์นั้นเข้าขั้นอัปรีย์….
พอจบ FF13 Jack Tretton ก็พูดมาว่า “เรายังจะมี FFXIV ที่จะลงให้กับ PS3 ในปีหน้า”

…หะ มันพูดเล่นมั้ง 13 ยังไม่ออกเลย จะมี 14 ได้ ไง

ทันไดนั้นไฟก็ดับลง

“หะ?..”
“ของจริง?”
“เฮ้ย”
“เฮ้ย..”
“เฮ้ย”
“เฮ้ย…………………”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

อารมณ์ใน irc ตอนนั้นราวๆ นั้นครับ…. อึ้งกิมกี่ แดกกันถ้วนหน้า…

On a forgotten page of eternity
There lies a land embraced by mighty gods
Her name…Eorzea

“… เฮ้ย ตูเห็นกัลก้า!…….”
“แล้วนั่นมันเอลวานใช่ม้ายยยย”

เผ่าที่คุ้นเคย…. หน้าตาตัวละครที่คุ้นๆ….

ตามคาดเลยครับ…. พอขึ้นโลโก้ขึ้นมา ก็มีคำว่า Online ตามมาติดๆ…..

“เฮ้ยยยยย Online!”
“FFXIV Online!”

…… เจอกันปีหน้า!

หลังจากนี้ ก็ไม่ค่อยมีอะไรละ เป็นโชว์ เทคโนโลยี ใหม่ ที่ดูแล้วหยังกับมาเล่นจำอวดให้ดู… กับเกมใหม่ ที่ละม้ายคล้ายไปทาง Little Big Planet แต่เป็นเกมขับรถแทน สรุปว่า ได้นอนเกือบตี 3 ครับ…

ปล. ผมเล่น FFXI อยู่ เล่นมาตั้งแต่เซิฟเวอร์เปิด ปีนี้ก็เป็น ปีที่ 7 ย่างเข้าสู่ปี่ที่ 8 แล้ว
ปล 2. แต่ราวๆ ช่วง ปีที่ 3  ผมหนีหายไปเล่น World of Warcraft แทน… เป็นเวลาราวๆ 2 ปี
ปล 3. แต่ช่วงที่เล่น World of Warcraft ก็ไม่ได้เล่นตลอดเวลา เล่นๆ หยุดๆ เป็นช่วงๆ มากกว่า

[Distant World music from FINAL FANTASY] เล่าความประทับใจ

ไปมาแล้วครับ Distant World music from FINAL FANTASY

คอนเสิร์ทคราวนี้จัดที่สิงก์โปรที่งาน 2009 Singapore Arts Festival วันที่ 22 ถึง 23 เดือน พ.ค. 52 ณ Esplanade Concert Hall มี 3 รอบเวลา  รอบที่กลุ่มผมไปกันคือรอบวันศุกร์ตอนเย็น 2ทุ่ม ออกจากเมืองไทย 7.45 ตอนเช้า ถึงที่สิงก์โปร ออกจากสนามบิน ราวๆ เที่ยวพอดี ก็เดินเที่ยวรอบโรงแรมกันสักพัก หาของกิน ถึงค่อยไปดูสถานที่จัดงานกัน

imag0029_3560391416_o

ตัวสถานที่ที่จัดงาน เป็นศูนย์รวมการแสดงทางศิลปะของสิงก์โปรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเขา มีทั้งการแสดงการแจ้ง ที่ใครเดินผ่านมาก็แวะมาดูกันได้ และแบบที่จัดภายในตัวอาคารที่ต้องเสียเงินเข้าไปดูกัน

imag0033_3562798240_o

ที่หน้าทางเข้าตัวฮอลเอง ก็มีขายสิ้นค้าจาก Concert Distant World รอบปี 2007 ด้วยเล็กน้อย ผมเองก็ตบมา 2 ชิ้น เป็น CD เพลงและ Artbook

imag0135_3560218550_o

พอเข้าไปนั่งรอได้สักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มแสดง แสงไฟก็ฉายไปที่ชายคนนึงกำลังเดินไปยังที่นั่ง แต่งชุดขาวทั้งตัว มีผ้าโผกหัวสีขาว ไม่ใช่ใครครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวจริงเสียงจริงนั่นเอง  หลังจากนั่น Conductor ของงานหรือคุณ Arnie Roth ก็ขึ้นมากล่าวทักทายผู้ชม และเริ่มบรรเลง และนี่ก็เป็นรายชื่อเพลงทั้งหมดในคราวนี้

FINAL FANTASY VIII: Liberi Fatali
FINAL FANTASY X: To Zanarkand
FINAL FANTASY VIII: Don’t be afraid
FINAL FANTASY VII: Aerith’s Theme
FINAL FANTASY I-III: Medley 2002
FINAL FANTASY V: Dear Friend
FINAL FANTASY IX: Vamo’ alla Flamenco
FINAL FANTASY XI: Ronfaure
FINAL FANTASY series: Main Theme
พักครึ่ง
FINAL FANTASY VII: Opening – Bombing Mission
FINAL FANTASY VIII: Fisherman’s Horizon
FINAL FANTASY XI: Memoro de la Stono – Distant World
FINAL FANTASY IV: Theme of Love
FINAL FANTASY series: Swing de Chocobo
FINAL FANTASY VIII: Love Grows
FINAL FANTASY VI: Opera “Maria and Draco”

ครับ โหมโรงด้วย Liberi Fatali อันคุ้นเคยจากภาค 8 ในระหว่างที่คอนเสิร์ทกำลังดำเนินไป โปรเจคเตอร์ก็จะฉายภาพ mv ตามไปด้วย ซึ่ง mv แต่ละอันก็จะเป็นภาพตัดต่อจาก FF ภาคนั้นๆ ทั้งฉาก cutscene ทั้งหลาย ทั้งฉากในเกม ฉาก battle หรือแม้แต่ artwork สวยๆ ดูไปฟังไป ก็คิดถึงความหลังเก่าๆ โดยเฉพาะเพลง To Zanarkand, Aerith’s Theme ซึ่งตัวเพลง To Zanarkand นี่มีทำนองที่ไม่คุ้นหู ด้วยเข้าใจว่าคงแต่งเพิ่มเข้าไป (และหลังจากกลับมาเปิดเทียบกับของปี 2002 แล้ว มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด เวอร์ชั่นที่ได้ไปฟังมานั่นสมบูรณ์กว่าเยอะมากจริงๆ) และเพลง Ronfaure นับว่าเป็นเพลงใหม่จริงๆ ของ FF ที่ได้เป็น ออเครสตร้าเวอร์ชั่น ซึ่งในเวอร์ชั่นออเครสตร้า นั้นได้อารมณ์ที่ต่างไปจากของต้นฉบับโดยสิ้นเชิง

Mv หลายๆ เพลงก็มีเล่นมุขไม่น้อย เช่น Don’t be Afraid เปิดมา เป็นฉากตอนที่พวกสควอล บุกตีเมือง… (อะไรสักอย่าง ที่ตอนแรก ออกมาเป็นแผ่นเดโม่ ให้ลองเล่นนั่นนะแหละ) และก็ได้ยินเสียงหมาเห่ามาก่อนเลย… เรียกเอาเสียงฮาจากคนดูได้ทั้งฮอล
หลังจาก Mv ดำเนินไปได้สักพัก จนพวกสควอลเจอศัตรู เพลงถึงได้เริ่มบรรเลงขึ้น… และตัว mv เองก็ดำเนินต่อไปเป็นฉาก battle ของภาค 8 ได้อารมณ์ไม่น้อยเลยละครับ ราวกับได้เจอเพื่อนเก่ายังไงหยังงั้น

โดยส่วนตัวถ้าไม่นับ Distant World แล้วก็ชอบ To Zanarkand ที่สุด และ Ronfaure ของ FF11 ก็เป็นเพลงที่ชอบมากอยู่แล้ว พอได้มาฟังแบบ ออเครสตร้า ซึ่งบรรเลงได้อารมณ์เปลี่ยนไปจากของเดิมมากมาย ก็ชอบครับ (แต่จริงๆ แล้วชอบเวอร์ชั่น fan made อีกเวอร์ชั่นนึงมากกว่า :P)

แน่นอนครับ ว่าแค่นี้มันไม่พอ  หลังโอเปร่า มาเรียและดราโก้ เพลงสุดท้ายจบลง และ วาทยากร เดินออกไปแล้ว เหล่าผู้ชมก็ปรบมือและขอ อังกอร์ บางคนตะโกนออกมา One Wing Angel!!  ราวกับถ้าไม่ได้ฟัง คอนเสิร์ทออเครสตร้าของไฟนอลก็จะไม่สมบูรณ์ (ฮา) ครับ วาทยากร เดินกลับมาอีกครั้ง และก็กล่าวว่างานเช่นนี้ย่อมต้องมีเซอไพรส์เสมอ และเพลงต่อไปที่จะเล่นก็คือ Terra’s Theme (หรือ Tina’s Theme ของญี่ปุ่น)จากภาค 6 นั่นเอง ผู้ฟัง ตบมือเฮกันลั่น เพลงก็เริ่มบรรเลงกันอีกครั้ง

เมื่อ mv เริ่มฉายถึงช่วงที่ ทีน่า บิก และ เวจจ์ ขับมาโดอาเมอร์ เดินในทุ่งหิมะ รายชื่อสตาฟจัดงานก็เริ่มปรากฎบนจอให้เห็น (ซึ่งตาม FF6 ในเกมจะเป็นรายชื่อสต๊าฟทำเกมเช่นเดียวกัน) หลังเพลงจบ วาทยากร เดินจากไปแล้ว ผู้ฟังก็ขออังกอร์อีกรอบ (เสียงเรียก One Wing Angel ยังคงมีอยุ่)  สักพัก Arnie Roth ก็เดินกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้เขามาพร้อมกับ โนบุโอะ ทั้งคู่ก็กล่าวทักทายคนดูเล็กน้อย และบอกว่า เรามีเพลงใหม่อยู่ 5 เพลง ที่ยังไม่เคยเล่นให้ฟังมาก่อน (1.) คือ Dancing Mad จากภาค 6 (2.) คือ Jenova จากภาค 7 แต่อีก 3 เพลงนั้นผมจำชื่อไม่ได้(อารมณ์ว่า เฉยๆ ครับ ไม่ได้ฟังก็ไม่รู้สึกอะไรกับอีก 3 เพลงที่เหลือ) ซึ่งเขาอยากให้ผู้ฟังเป็นคนช่วยเลือกว่าอยากฟังเพลงไหนกันมากที่สุด ด้วยเสียงปรบมือ แต่หลังจากนั้น Arnie Roth ก็บอกว่า คุยกับ โนบุโอะ แล้ว ยังไงๆ ก็อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้กัน One Wing Angel สมใจอยากผู้ฟังในฮอลกันไปตามๆ แต่ส่วนตัวผมเอง อยากได้ยินเพลง Jenova เป็น ออเครสตร้า มากกว่านะ 😛 (หลอกให้อยากแล้วก็จากไปนิหว่า)

ปล. ทีเด็ดของ One Wing Angel ในงานรอบนื้คือ โนบุโอะ ขึ้นไปร่วมร้องคอรัสด้วยครับ (แต่ร้องจริงหรือขึ้นไปยืนอ้าปากเฉยๆ นี่มิอาจทราบได้ :P)

ปล 2. ช่วงโซโล่ กีต้าร์ (ขออภัยถ้าจำชื่อผิด) 2 เพลง รู้สึกมันไม่เข้ากับเพลงยังไงแปลกๆ ไม่ใช่เล่นไม่ดี แต่มันไม่เข้ากัน ราวๆนั้น

imag0035_3559414945_o
ขาวๆ นั่นแหละครับ โนบุโอะ อุเอมัทสึ ตัวเป็นๆ ตัวจริงเสียงจริง (กล้องมีปัญญาจับภาพมาได้แค่นี้ครับ ฮา)

imag0041_3562801918_o
ทุเรียน(ฮา)เรืองแสงตอนกลางคืน

imag0138_3559367395_o
ลายเซน Arnie Roth

imag0139_3560187928_o
และ โนบุโอะ อุเอมัทสึ

ปล. เอนทรี่นี้ คัดลอกมาจาก Pocketonline, GamerGate ที่เขียนไว้เมื่อ วันจันทร์ที่  25 พ.ค. 52

สถานที่ตั้ง ของ Esplanade Concert Hall ครับ