เรื่องน่าเศร้าในห้องนอน

ช่วงที่ผมค่อยๆ ขนคล็อธมิทเข้าตู้ใหม่เป็นช่วงจัดบ้านใหม่พอดีครับ

เป็นธรรมเนียมปรกติของบ้านนี้ที่ใกล้ช่วงปีใหม่ และใกล้ช่วงตรุตจีน จะต้องจัดบ้านใหม่ รื้อกล่อง รื้อทรัพย์สมบัติมาทำความสะอาดทุกปี

ส่วนในห้องของผมความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็คือย้ายเอาตู้ใหม่ (ที่ซื้อมานานนนนน มากแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ขนเข้าห้องซักที) ย้ายเข้าห้อง แต่การจะย้ายเข้าห้องได้นั้น ก็ไม่สามารถทำได้เลยทันที

เพราะตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะวางตู้ หลังจากดูสภาพห้องแล้ว เป็นตำแหน่งที่เคยกองกล่องคล็อธมิท กับกล่อง model อื่นๆ ของน้องที่มารุกรานอธิปไตยห้องนอนผมนะแหละครับ (ตู้ดูได้ที่เอนทรี่เก่าครับ Saint Seiya Cloth Myth)

Saint Seiya Cloth Myth

เล่ากันซักนิดว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เวลา ผม กับ ไอ้น้องชาย ซื้อโมเดลอะไรก็ตาม กล่องโมเดลส่วนใหญ่มันมักจะมาแอบหลบอยู่ในห้องนอนผมเสมอ ด้วยความที่ว่าห้องนั่งเล่นด้านนอก มันก็โดนกองหนังสือ กองวีดีโอ กอง CD DVD ของ คุณน้องสาว นั่นนะแหละยึดดินแดนไปหมดแล้ว ดังนั้นของๆ คุณ ไอ้น้องชาย มันก็เลยจะมาตกอยู่ในพื้นที่ประเทศเพื้อนบ้าน ก็คือ ห้องนอนผม และ โต๊ะทำงาน (ที่ปัจจุบัน กลายเป็นโต๊ะวางอะไรก็ไม่รู้) ในห้องคอมผม

แต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลังจากห้องนอนอีกห้องที่ปัจจุบันไม่มีใครใช้ และ แทบจะกลายเป็นห้องอ่านหนังสือ (และห้องเล่น Wii) ของ ไอ้น้องชาย ไปแล้ว ก็เลยขับไล่เหล่าผู้รุกรานดินแดนในห้องนอนไปยังห้องอ่านหนังสือนั่นนะแหละแทน

แต่ถึงแม้จะไล่เหล่าผู้รุกรานออกไปหมดแล้ว พื้นที่ที่ได้คืนมาก็ยังไม่พอที่จะวางตู้อยู่ดีครับ

เลยต้องมีการโกยๆ กล่องโมเดลทั้งหลาย หลบๆ ออกไปจากพื้นที่ที่จะวางตู้ก่อน ตอนแรกก็โกยๆ ไปแถวๆ เกือบๆ หน้าต่างก่อน แต่กะว่าคงวางไว้ไม่นาน เพราะหน้าต่างห้องนอนผมน้ำมันซึมเข้ามาได้ วันไหนฝนตกหนักๆ แถวๆ ริมหน้าต่างจะเปียกน้ำหมด เลยต้องมีเอาผ้ามากันไว้อีกชั้นนึง และไม่ค่อยอยากไว้ริมหน้าต่างเพราะกลัวกล่องโดนแดดแล้วสีซีดหมดครับ

แต่หลังจากวางตู้แล้ว ผมก็ยังกอง กล่องเอาไว้แถวๆ นั้นอยู่นะแหละ กะว่าจะค่อยๆ แกะทีละกล่องแล้วเรียงเข้าตู้ กล่องไหนที่เอาตัวมาตั้งเสร็จแล้วก็จะเอาไปเก็บไว้อีกที

ทีนี้แม่บ้าน มาเห็นก็คงขัดใจอะไรสักอย่างเพราะกล่องมันขวางทางเดินไม่สามารถทำความสะอาดหน้าต่างได้ก็เลยจัดกล่องใหม่ให้เสร็จสรรพ

ผมก็เลยตามเลย จัดมาแล้วงั้นก็เอาไว้แบบนั้นไปก่อนละกัน

 

แล้ว

 

เมื่อวานเองครับ หลังจากปิดคอม เสร็จกำลังจะขึ้นไปนอนตามปรกติ

เปิดประตูเข้าห้องนอนไป ก็พบว่าแอร์เปิดเอาไว้อยู่แล้ว

ปรกติผมจะต้องเป็นคนเปิดแอร์เองก่อนนอนครับ แต่หลังๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่จะมีคนมาเปิดทิ้งไว้ให้ตลอด

ก็เดินไปที่ตู้เก็บคล็อธมิท กำลังจะมองหากล่อง เซอพรีสแคนเซอร์ กับ อัลกอร์บัด 2 กล่องที่เพิ่งซื้อมา

เอ เสียงอะไรแปะๆ

What2

อ่อ แอร์รั่ว

 

 

….

 

Shock5

… ฉิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

Shock5

ใต้แอร์มันมีกล่องคล็อธมิธ กับ หนังสืออาร์ตบุ๊ค อยู่!!!!! (แม่บ้านดันเอากล่องคล็อธมิทกับหนังสือบางส่วนไปไว้ตรงนั้น… แล้วผมก็ลืมย้ายมันออก…)

 

รื้อกล่องใต้แอร์ออกมาแทบไม่ทันเลยครับ…. (ไม่แทบละ แต่ไม่ทันเลยละ อาการโคม่าไป 1 ศพ ตอนนี้กำลังรอผ่าตัดศัลยกรรม….)

Shock2

ส่วนกล่องที่กู้ออกมาได้ สาหัส 1 กล่องเป็น appendix คามิว… ชุ่มกำลังได้ที่เลยครับ…

นอกนั้นที่โดนลูกหลงบ้างแต่ยังไม่สาหัสเท่าก็มี เซอพรีสเจมินี่ กับ เซอพรีสอควอเรียส … (เออดี… ทำไมไม่โดน โกลด์คล็อธอควอเรียส ไปอีกกล่องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยละวะ) และหนังสือ Advance of Zeta เล่ม 6 และอื่นๆ ที่โดนน้ำประปราย

ด้วยความใจร้อน เลยเอากล่อง appendix ที่กำลังชุ่มน้ำเอาไปเป่าไดรเป่าผมนั่นแหละ กะว่าให้มันแห้งเร็วๆ หน่อย

แต่ลืมคิดไปว่าข้างในฝากล่องมันเป็นพลาสติก

Shock2

ก็ ฉิบหายอีกรอบ… พลาสติกโดนความร้อนมันก็โก่งตัวสิ คราวนี้กล่องเลยสภาพยับเยินดูไม่ได้เลย เลยจำใจต้องเลาะเอาพลาสติกด้านในออกมา…

กะว่า เดียวจะไปหาแผ่นใสมาตัดแล้วเอาเทปแปะกลับเข้าไปแทนอันที่เลาะออกมา…

ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือ ตื่นเช้ามาเช็คสภาพก่อนแต่งตัวก็เห็นว่าแห้งดีหมดแล้ว เดียววันนี้คงย้ายไปตั้งไว้ที่อื่นละ

 

ปล. กะว่าจะหนีน้ำฝนจากริมหน้าต่าง ดันเสือกมาโดนน้ำรั่วจากแอร์แทน….

ปล2. ขณะที่กำลังเขียนเอนทรี่นี้ มือดันเผลอไปปัดโดนขวดกาแฟที่ตั้งไว้โต๊ะข้างๆ หกใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คอีก… ซวยซ้ำซวยซากอะไรแบบนี้

Shock4

ปล3. ไม่ขอถ่ายรูปผู้ป่วยสาหัสกำลังรอผ่าตัดนะครับ ทำใจไม่ลง

ปล4. ขอเอาหัวหอมมาใช้เป็นอีโม่หน่อย

Mass Effect 2 (minor spoil)

me2 _logo

ช่วงนี้ BioWare มาแรงจริงๆ

เมื่อปลายปีที่แล้วก็ส่ง Dragon Age Origin มาสะเทือนวงการเกม RPG ฝรั่งไปรอบนึง

มาปลายเดือนมกราที่ผ่านมาก็ส่ง Mass Effect 2 ถล่มซ้ำ ที่ตอนนี้ยอดขายทะลุ 2ล้านชุดไปเรียบร้อย

แถมยังประกาศภาคเสริมของ Dragon Age Origin แบบสายฟ้าแลบเมื่อกลางเดือนที่แล้วอีก

แต่อันนี้ ผมว่าจริงๆ แล้ว BioWare มันต้องคิดพล็อตรอเอาไว้ก่อนปล่อยเกมภาคแรกออก มานานมากๆ แน่ๆ ไม่งั้นคงไม่สามารถวางแผนออกภาคเสริมได้เร็วขนาดนี้หรอก ปรกติเกมภาคเสริมรอกันเป็นปี นี่รอไม่ถึงครึ่งปี

หรือว่าระบบทุนนิยมของ EA จะเข้าครอบงำ BioWare ไปหมดแล้ว ดูจากวิธีการขาย DLC ของ DragonAge ก็ได้ ถึงกับส่ง NPC ไปเป็นนายหน้าขาย DLC ในเกม นับเป็นเกมแรกเลยที่ใช้วิธีการโฆษณาขาย DLC แบบนี้

….เอ่อ ถึงจะบ่นหยังงั้น หยังงี้ ถ้า DAO: Awakening ออกผมก็เล่นอยู่ดีละครับ (อ่าว… เรียก ซึนเดเระ ได้ไหมนี่)

 

กลับเข้าเรื่องกันนิดนึง ถึงตอนนี้หลายๆ คนคงเล่น Mass Effect 2 จบไปกันบ้างแล้ว ผมเองก็จบแล้วเช่นกันด้วยระยะเวลา 22 ชั่วโมงเศษๆ มุ่งแต่ main quest ทุกเควสให้ครบ ไม่ไปแสกนดาวหาเควสเพิ่ม เพราะขี้เกียจ และต้องรีบทำเวลา ก่อนจะไม่มีเวลาเล่นเกมในเดือนนี้

สิ่งที่รู้สึกได้จากภาคนี้คือ อย่างแรกพบว่าเกมเน้นไปทาง แอกชั่น มากขึ้นเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว (ขอสารภาพว่าภาคที่แล้ว ตอนแรกผมเล่นได้แค่แปบเดียวก็ต้องปิดทิ้ง เพราะรู้สึกมันไม่ใช่ อย่างแปลกๆ แต่ก็มีอะไรดลใจให้หยิบกลับมาเล่นใหม่เมื่อครึ่งปีหลังของปีที่แล้วนี่เอง)

แต่มันก็ยังไม่ใช่เกมแอกชั่นจริงๆ อย่าง Gear of War หรือแนวที่คล้ายๆ กัน ระบบหลายๆ อย่างมันก็ยังทิ้งความเป็น RPG ไม่พ้นสักเท่าไหร

ที่แน่ๆ การที่ไม่สามารถทำ Blind Shot ได้ (ยิงจากที่กำบังโดยไม่หันหน้าออกมาเล็งเป้า) มันทำให้รู้สึกขัดใจมากเลยทั้งๆ ที่เกม FPS, TPS ที่มีแอบหลังกำแพงทั่วไปสามารถทำ Blind Shot ได้หมด (อ่าวแล้วเมื้อกี้เพิ่งบอกว่ามันก็ยังเป็นเกม RPG อยู่ดี)

แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่ตัวละครไม่มีค่าพลังความถนัดอาวุธที่ส่งผลกับความแรงและความแม่นของปืนแล้วมันทำให้เกมสู้มันส์ขึ้นเป็นกองเลยครับ

กลับกัน ด้านเนื้อเรื่อง ในภาคนี้ หากตัดเควสของเพื่อนออกให้หมด จะเหลือเนื้อหาที่เป็น เมนเควส อยู่จึ๋งเดียวเอง และด้วยจำนวนเพื่อนที่มากกว่าภาคที่แล้วเกือบเท่าตัว แต่บทพูดกลับทำให้รู้สึกว่าตัวละครเหล่านั้นมีความลึกตื้นหนาบางน้อยมากเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว และเทียบไม่ได้เลยกับ DAO ที่เพิ่งออกไป หากใครเล่น DAO คงจะเข้าใจถึงบรรยากาศที่เราคุยกับเพื่อนเราในแค้มป์ได้ดี

สรุปว่าความเข้มข้นของเนื้อเรื่องในภาคนี้ ผมว่าด้อยลงไปพอสมควร  แต่ประเด็นของเนื้อเรื่องมันก็ยังน่าติดตามอยู่ดี และยังดีที่เพื่อนของเราถูกเขียนบทมาบุคลิกและเนื้อเรื่องพื้นหลังแตกต่างกันมาก ดังนั้นในแง่ความหลากหลายของตัวละครยังคงมีอยู่ แต่ความหลายในด้านประโยชน์ใช้งาน อาจจะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร

และอีกเรื่องการสำรวจดวงดาวต่างๆ ภาคนี้เปลี่ยนจากการที่เราขับรถลงไปสำรวจด้วยตัวเองมาเป็นแสกนดวงดาว แล้วยิง probe ลงไปบนดวงดาวเพื่อเก็บทรัพยากร หรือยิง prob นำร่องไปยังจุด anomaly  ก่อนจะลงไปสำรวจด้วยตัวเอง

เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่ว่าแบบไหน ระดับความเลวร้ายก็พอๆ กันคือ มันเป็นอะไรที่ repetitive เอามากๆ และมันจะสนุกอยู่แค่ช่วงแรกช่วงเดียว หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นความน่าเบื่ออันไม่มีที่สิ้นสุดแทน

จุดแตกต่างคือถ้าเป็นพวกชอบลงไปขับรถเล่นในดวงดาว หรืออยากเห็นอะไรกว้างๆ ก็อาจจะชอบแบบภาคแรกมากกว่า แต่ถ้าเป็นพวกชอบแบบ get to the point มุ่งไปที่ประเด็นอย่างเดียวก็จะชอบแบบภาคสองมากกว่า

สุดท้าย BioWare ยังคงยัดมุขมาเต็มที่เช่นเคย เท่าที่เล่นแล้วเจอด้วยตัวเองก็มีราวๆ นี้

มุขเกี่ยวกับญี่ปุ่น

  • ร้านขายเกมใน Citadel ที่ Import เกมมาจาก Shin Akiba
  • เกมที่มันขาย คุ้นๆ ว่ามีเกมชื่อ Galaxy Fantasy อะไรสักอย่างที่เป็น MMORPG ด้วย
  • มีตัวละครพูดถึงราเมงจากโลกใน Citadel (ไม่รู้จะเกี่ยวกับ galaxy express 999 ไหมเพราะเรื่องนั้นก็ชอบมีพูดถึงราเมงสุดอร่อยในตำนานจากโลกเหมือนกัน)
  • มีร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย (แต่เราคุยอะไรกับร้านนั้นไม่ได้)

มุขอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับญีปุ่น

  • หนูแฮมสเตอร์อวกาศ คาดว่าจงใจอ้างอิงถึง หนูแฮมสเตอร์ใน Baldur Gate ที่ชื่อ บู ซึ่ง มินซ์ เจ้าของ บู เคยพูดว่า บู เป็น space hamster
  • มี NPC บ่นว่า “แย่ที่สุด เวลาพวก บาตาเรียน เข้ามาเล่นเกมกับเรา แล้วไม่ยอมพูดภาษากลาง ไปพูดภาษา บาตาเรียน ด้วยกันเอง” (มันแอบกัดประเทศประเทศสารขัณฑ์ แถวๆ นี้เปล่าวะเนี่ย)
  • ตัวละคร….สักตัว อยู่ดีๆ ก็จำชื่อไม่ได้ ที่แต่งตัวเลียนแบบเรา และกำลัง ส-ใส่-เกือก เรื่องชาวบ้านไปทั่ว เมื่อเราคุยกับมัน และถามว่า  แต่งตัวเลียนแบบเราทำไม มันก็จะตอบมาราวๆ ว่า “เรากำลัง ออกเดินทางไปทั่วจักรวาล และคุยกับคนต่างๆ เพื่อดูว่ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร ที่เราจะช่วยเหลือได้ตางหาก, บางครั้งก็ทุบลังข้างทางนิดหน่อย เผื่อว่าจะมีเงินหล่นให้เก็บ” (ครือ… เอ็งกำลังจะบอกอะไรสักอย่างกับตรูรึเปล่า….)

…แน่นอนว่าเกม RPG ของ BioWare เกมไหนไม่มีขึ้นศาล มานั่งชี้หน้าใส่กันตะโกน Objection จะผิดวิสัยของ BioWare มาก (เอ่อ… เอาจริงๆ  มันคงไม่ถึงขั้นชี้หน้ากันหรอก) Mass Effect 2 ก็ยังคงมีอยู่เช่นเคย ถึงมันจะไม่ได้เป็น เมนเควส ที่บังคับเล่นก็ตาม

ปล. ภาคผมนี้ใช้แต่ ทาลิ กับ แกรัส ครับ เอาแต่มนุษย์ต่างดาวลงเนี่ยแหละ ( ‘ ‘)
มิรัลด้า ในเกมหน้าเป็นป้าอ้วนเกินไปหน่อย Art work ออกจะดูดีแท้ๆ
กรันท์ ใช้บ้าง ชอบตัวละครลักษณะนี้เป็นการส่วนตัว แต่ที่ไม่พอลง ดังนั้นก็อยู่เป็นทีมสำรองไปซะ

จาคอบ, ซาอีด, แจ๊ค ไม่เคยมีความคิดที่จะเอาลงทีมแม้แต่เศษเสี้ยวในกบาลเลยครับ เหม็นขี้หน้าหมดทั้ง 3 ตัว
และ มอริน นี่ไม่ไหวที่สุดแล้ว พูดด้วยภาษาที่อ่านแล้วปวดกระบาลเอามากๆ

ปล2. เล็ง romance กับ ทาลิ แท้ๆ แต่ดันทำเควสไปๆ มาแล้วทิ้งแฟนเก่าไม่ลงเลยไม่เห็นบท romance ไปซะงั้น ( ._.)
ปล3. ขออภัยถ้า เอนทรี่นี้อ่านแล้วมึนๆ เพราะรู้สึกคนเขียนก็มึนๆ เหมือนกัน บวกกับเมื่อวานดันตื่นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่หลับจนถึงเช้าเลย

orz

orz…

เมื่อวานมีพรีเซ้นต์ครับ

แต่พรีเซ้นต์ไป ก็รู้สึก failๆ ไป

แต่ก็ได้รับบทเรียนอะไรหลายๆ อย่างจากรอบนี้

ไม่ว่าจะอัดเนื้อหาแน่นเกินไป

หรืออัดเนื้อหาเทคนิกเชิงลึกเกินไป ทำให้คนฟังแล้วงง (จนย้อนกลับมาคิดว่า ถ้าเราไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ไปฟังเองก็คงงงเหมือนกัน)

หรือ การเตรียมตัวที่ไม่ดี ไม่ได้คุยกับเพื่อนในกลุ่มถึงการเตรียมเนื้อหาให้ดีๆ เท่าไหร่

หรือ บางทีหัวข้อที่เลือกมามันอาจจะไกลตัวเพื่อนๆ ส่วนใหญ่กัน เลยไม่ค่อยมีคนอินตาม

สไลด์ ที่ทำไป พอถึงเวลาพรีเซ้น ก็ดูยากไปนิดนึง

 

อย่างไรก็ดี เทอมนี้ยังเหลือพรีเซ้นอีก 2 ครั้ง เป็น พรีเซ้นย่อย 1 ครั้ง และ พรีเซ้นใหญ่ 1 ครั้ง

สู้ตายครับ ขอแก้ตัวใหม่อีกรอบตอนพรีเซ้นใหญ่เนี่ยหละ

เพื่อนคนไหนที่หลงมาอ่าน ผมขอสัญญาครับ ว่าจะพยายามไม่ยัดๆ เนื้อหา ให้ฟังแล้วงงอีกแล้วครับ

( ̄▽ ̄)ノ

เพื่อนใหม่นานามิ

จากเอนทรี่คราวก่อนนู้น

Windows7 นานามิ ธีมแพ๊ค

ตอนนี้ก็มีเพื่อนใหม่มากันแล้ว ถ้าใครยังไม่เคยได้ยินข่าว หรือสงสัยว่ามันคืออะไร ก็ลองตามไปอ่านได้ที่นี่

Microsoft จัดแคมเปญ Bing มาพร้อมความโมเอะ

win7-nana-friends-640x311

ขี้เกียจเก็บแต้มเอง?

ไม่อยากใช้ Bing?

ทำยังไงก็ไม่เต็ม 100%?

ไม่ต้องกลัว มีคนเอา url สำหรับ download มาให้โหลดเรียบร้อยเสร็จสรรพ

http://campaign.live.jp/bing/download_n.htm

http://campaign.live.jp/bing/download_s.htm

ส่วนผม ก็ทำเหมือนเดิมครับ… เอามาแต่รูปพอ ส่วนเสียง มิอาจทนใช้ได้เหมือนเดิมเนื่องจากฟังแล้ว มันไม่ช่ายยยยยย วินโดว์ใช้งานมีเสียงแบบนี้กรอกหูตลอดเวลา มันสุดยอดเกินทนห้ามใจเกินไปหน่อยครับ ~_~

ปล.

เป็นข่าวจาก VR-Zone

http://vr-zone.com/articles/windows-7-nanami-gets-new-friends/8336.html

ที่เอามาจาก

http://www.thebanzaieffect.com/articles/ooga/windows-7-nanami-madobe-gets-new-friends/

อีกที (ชิ่งต่อหลายเด้ง)

บงกช เดียวนี้เล่นสเปเชี่ยลเอฟเฟคกับหนังสือแล้ว?

ไม่รู้จะเริ่มไงดี

เอาตามงี้ละกันครับ

วันนี้กำลังทำรายงานวิชา HR, MIS อยู่

ไอ้น้องชายก็เอาสิ่งนี้มาให้ดูครับ (พร้อมกับอาการโวยวายๆ เล็กน้อย)

wtf1

ก็มังกะ ธรรมด้า ธรรมดา เล่มนึง

wtf2

หะ? อะไรนะแถบสีน้ำตาลๆ บงกช เล่นสเปเชี่ยลเอฟเฟค กับหน้ากระดาษหรือยังไง ซูมครับ แบบนี้ต้องซูมไปดู!

wtf3

….

เจร้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!1111

มันเอากระดาษกาวมาแปะหน้ากระดาษที่ขาดครับ!? พี่น้อง!

wtf4

ไม่ใช่แค่หน้าเดียว มันเป็นถึงสองหน้า!

 

ส่วนคุณน้องสาวที่เห็นแบบนี้ ก็เลยมาบอกว่า

“มันไม่ใช่หนแรกหรอกนะ ก่อนหน้านี้สมัย 35 บาทมันก็เคยทำมาแล้วทีนึงละ แต่ตอนนั้นวุ่นๆ อยู่เลยไม่ได้เอาไปเปลี่ยน”

ว่าแล้วคุณน้องก็ไปหยิบมาให้ดู

wtf5

เรื่องอะไรก็ไม่รู้ละ สมัย 35 บาท

wtf6

wtf7

………………. จะพูดว่าไงดี

ทำไมช่างกล้าแบบนี้? เอาของมีตำหนิมาขายให้ลูกค้า?

โอ้ ทราบซึ้งสุดหัวใจเลยหละครับ  (แล้วแบบนี้จะเอาไปเปลี่ยนกับร้านได้ไหมวะเนี่ย!? ไม่ต้องเอาเล่มเก่าหรอกนะ เฉพาะเล่มใหม่ที่ซื้อมาก็ได้)

ปล. ขอบคุณ คุณน้องชาย และ คุณน้องสาว ที่อยู่ดีๆ ทำให้ผมเขี่ยนเพิ่มได้ 1 เอนทรี่


คุยกับคนรู้จักมา (ไม่เกี่่ยวกับบงกชนะ)

สรุปว่าเป็น ดีเฟคของโรงพิมพ์ครับ เป็นช่วงรอยต่อระหว่างม้วนกระดาษพอดี ซึ่งพอออกจากโรงพิมพ์ก็จะเข้าซองเลย ดังนั้นสำนักพิมพ์ไม่รู้เรื่องหรอก (แปลว่าเปลี่ยนได้สินะ)

แบบนี้ต้องโทษโรงพิมพ์ครับ ._.

Saint Seiya Cloth Myth

เพิ่งจะขนตู้ใหม่ (ที่ซื้อมานานนนนนนน มากแล้ว) ขนเข้าห้อง

ก็เลยถือโอกาส ค่อยๆ ทยอยขน cloth myth เข้าตู้ทีละตัว

Cloth Myth พวกนี้ผมก็เก็บมาเรื่อยๆ ราวๆ 4 ปีได้แล้วมั้ง เริ่มเก็บตอนราวๆ ราดามันทีส ออก แต่ก็ไม่ได้ซื้อทุกตัว ถึงจะเกือบครบก็เหอะ บางตัวอย่าง บรอนเซ็นต์ ตัวประกอบ 5 ตัว ที่ไร้บท นี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซื้อมาทำไม

แรกๆ ก็ซื้อแต่ของญี่ปุ่นอยู่ แต่นานๆ เข้าเริ่มรู้สึกว่า จะญี่ปุ่น ฮ่องกง หรือ DT มันก็ไม่แตกต่างกัน สีแม่มก็ลอกเหมือนกัน เซย์ย่า final cloth ล็อตแรกพุงแม่มก็แตกเหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยเป็นซื้อตามสะดวก ถ้าญี่ปุ่นเทียบกับฮ่องกง แล้วไม่ได้แพงกว่ากันเยอะเว่อร์ก็อาจจะซื้อญี่ปุ่นอยู่ แต่ปรกติเดียวนี้ก็จะซื้อเป็นฮ่องกง หรือ DT กันหมดแล้ว

จุดน่าสังเกตของ cloth myth พวกนี้คือมันเป็นของเล่นที่มีการพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา บอดี้ ของตัวคนก็มีการปรับปรุงเรื่อยๆ แต่ทั้งซีรี่ย์ปรกติจะเป็นบอดี้เดียวกันเสมอแม้ว่าตอนนั้นจะมีบอดี้ใหม่ออกมาแล้ว เช่นโกลดเซนต์ ตัวหลังๆ ที่ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะมีบอดี้รุ่นใหม่ที่ใช้กับ เด็กเส้นทั้ง 5 เกราะ 3 (final cloth) แล้ว แต่ โกลดเซนต์ พวกนี้ที่ออกตามมาทีหลังก็ยังใช้ body รุ่นแรกสุดอยู่ดี แต่พอถึงคราว สเป็กเตอร์โกลด์เซนต์ พวกนี้ก็เปลี่ยนมาใช้บอดี้ใหม่กันหมด

และเนื่องจาก ตัวแรกๆ ที่ทำออกมาหน้าตาอุบาทว์เหลือรับประทาน หรือรูปทรงของคล็อธยังทำออกมาไม่ดี ก็เลยมีการแตกไลน์ออกมาเป็น Cloth Myth Appendix ซึ่งมักจะออกมาเป็น bust ครึ่งตัวและนำไปประกอบรวมกับตัวเก่าได้ ซึ่งตอนนี้ตัวหน้าตาอุบาวท์ตัวแรกๆ ก็มีการออก appendix มาแก้เกือบหมดแล้ว จะเหลือก็ โดโก ไอโอรอส เดสมาร์ค และ ชูร่า เด็กเส้น 5 ตัวคล็อธ 2 ไม่นับ เพราะ มีการออกแพ็ครวม เด็กเส้นคล็อธสอง ที่ใส่หน้าเวอร์ชั่นใหม่มาด้วย

…แต่ไม่ต้องออก appendix เดสมาร์ค มาก็ได้นะ จริงๆ ผมไม่อยากจะซื้อไอ้โกลด์เซนต์ที่โดนตบเกรียนตายเป็นคนแรก แถมยังไร้น้ำยาต่อหน้ากองทัพสเป็คเตอร์ หรอกน่ะ

แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่ไม่สามารถออก appendix มาแก้ได้เพราะต้องแก้ทั้งตัวอย่างเช่น เซอพรีส อาริเอส ชิอ้อน ที่สีเพี้ยน ออกม่วงมาก เมื่อเอาไปตั้งรวมกับ เซอพรีสตัวอื่นแล้วมันจะไม่เข้ากันอย่างแรง ทางบันไดก็เลยทำสีใหม่เป็นสีดำ และขายเป็นจำนวนจำกัดไปซะเลย (อ่าวเวร….) ตัวสินค้าพิเศษพวกนี้นอกจากเอาตัวเก่ามาทำสีใหม่ ก็จะมีพวกที่ไม่ได้ใส่ชุดคล็อธ อย่าง อาธีน่า ฮาเดส(ชุน) แพนโดร่า ฯลฯ ซึ่งจะไม่ขายปรกติแต่ให้ใช้วิธีสั่งจองเอา

cmf_all

ส่วนการจัดเรียงเข้าตู้ ผมก็แบ่งตามชั้นๆ ไปให้มันเป็นกลุ่มหน่อย ตั้งวางเฉยๆ เนี่ยแหละ ไม่มีการทำฐานตั้ง หรือจัดท่าหรูหราอลังการแต่อย่างใด

cmf_1

ชั้นบนสุดก็ยกให้ โกลดเซ็นต์ ทั้งชั้นไปเลยถัดมาก็เป็นพวก เด็กเส้นทั้งหลาย กับตัวประกอบอื่นๆ ที่ไม่มีชั้นเป็นของตัวเอง (ปรกติไม่เปิดไฟหรอกนะ แต่ถ้าไม่เปิดท่าทางจะถ่ายอะไรไม่ติด)

cmf_2

ชั้นสเป็คเตอร์นี่ลำบากสุดละ แต่ละตัวอลังการงานสร้างกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ เบนู กับ ทานาทอส ที่จะยืนไม่อยู่เอา

cmf_3

ถัดมาก็เป็นพวก มารีนเนอร์ กับ โปเซดอน (ตอนนี้ยังสงสัยไม่หายว่า ทำไมตอนนั้นตรูซื้่อ โปเซดอนมาทั้ง 2 สีฟระ…)

ส่วนชั้นที่ต่อสบายสุดเห็นจะไม่พ้นเหล่า God Warrior ซึ่งประกอบง่าย ต่อสบาย ไม่ค่อยอลังการเท่าไหร ขาด อีกตัวที่จะออกเดือนนี้ กับ ฮิลดร้า ก็ครบเซ็ต แต่ตอนวางๆ พวกนี้ก็ติดปัญหาอยู่ว่า ทอร์ มันสูงเกิน ยัดเข้าชั้นไม่ได้ เลยต้องจับย้ายไปอีกชั้นนึง

 

ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเด่นๆ ของฉบับดั้งเดิมก็ออกมากันเกือบหมดแล้ว จนตอนนี้บันไดเลยต้องไปจับพวกซิลเวอร์เซนต์ต่อ แต่ประเด็นคือ ไลร่าโอฟี่ ซิลเวอร์เซนต์ ตัวแรก มันออกมาดูดีเกินไปนะสิ… (เพิ่มลวดลายตามตัวนิดนึง แล้วเปลี่ยนเป็นสีทอง ก็เป็นโกลเซนต์ได้แล้ว) ยิ่งพอเห็นรูป เพอเซอุสอัลกอ แล้วยิ่งรู้สึกถึงความแตกต่าง ก็ดี… จะได้ไม่ต้องเสียเงินตามเก็บพวกนี้

ตอนนี้สิ่งที่กลัวอย่างเดียวของการเก็บ cloth myth คือบันไดมันจะบ้าจี้ออก 12 โกลดเซนต์ใหม่เป็นเวอร์ชั่น LC นะสิ… ถึงหลายๆ ตัวหน้ามันจะเหมือนๆ เดิม แต่ถ้าทำออกมาแล้วมันอาจจะดูดีกว่าของเดิมหรือไม่อันนี้ก็ต้องรอดู ถ้าเกิดมันดีจริง ผมก็อาจจะบ้าจี้ตามเก็บ โกลดเซนต์ LC ใหม่หมดก็ได้…

ส่วนในอนาคตคาดว่าถ้ามันยังออกสเป็กเตอร์มาเรื่อยๆ อาจจะต้องยกให้พวก สเป็กเตอร์ไป 2 ชั้น หรือไม่ก็จัดใหม่เป็นชั้นของ Lost Canvas ไปชั้นนึงแทน อาธีน่า แพนโดร่า โพเซดอน LC แจ่มๆ ทั้งนั้น ถ้าออกมาแล้วยังแจ่มก็จะเก็บอีก (/’ ‘)/

เล็กๆ น้อยๆ รีรัน ข้อจับผิดต่างๆ ที่รู้ๆ กันดี (ไม่นับ LC เพราะคนแต่งเรื่องคนละคนกัน)

  • ชิริวจะไม่ชนะถ้าไม่ถอดเกราะ และ/หรือ ตาบอด (เพิ่งจะแก้นิสัยเสียนี้ได้ตอนภาคฮาเดส)
  • โดโกลายสักเป็นเสือ แต่ไม้ตายเป็นมังกร
  • ถ้าเทียบเป็นเกม RPG ชุนคงมีอาชีพเป็น ซัมมอนเนอร์ จะแพ้ก็เรียก ฟีนิกส์ มาสู้แทนได้
  • แม่มโกงอายุกันทุกคน หน้าแก่เกินอายุกันทั้งนั้น
  • ในฉบับมังกะ ตอนเริ่มภาคโพเซดอน ทอรัสอัลเดบารัน โดน ไซเรนโซเลนท์ ฆ่าไปแล้ว แต่กลางๆ เรื่องก็จะเห็น อัลเดบารัน มายืนคุยหน้าตาเฉย (มาเขียนแก้เอาทีหลังว่าอาธีน่ามาห้ามไว้ก่อน) และจะไปตายจริงๆ ตอนภาคฮาเดสอีกที
  • โกลดเซนต์ 3 คนรวมพลัง ได้พลังระดับ บิกแบง แต่ โกลดเซนต์ 12 คนรวมพลัง ได้แค่ ดวงอาทิตย์
  • ไม่เกี่ยว แต่ VBK แม่มดอง Episode G อ่า…..

ปล. FFXIII เล่นจนได้แพลตตินั่มแล้วครับ ได้ theme PS3 รูปคุณน้อง ก็ลาขาดละกับเกมตีเต่า
ปล2. ผิดพลาดประการไดขออภัย
ปล3. กล้องมือถือไม่มีแฟลช ถ่ายมาได้แค่นี้แหละ (/= =)/