Final Fantasy XIII (ไม่มี spoile)

เล่นจบแล้ว แต่ยังล่าบอสไม่จบ

ระหว่างที่กำลังจะล่าบอสต่อ น้องก็ทักว่า

“ยังเล่น Tales of Vesperia ไม่จบเลยไม่ใช่รึ”

…ก็เลยต้องพัก FFXIII ไว้ก่อน กลับไปสะสาง Tales ให้เรียบร้อยก่อนจะมาเล่นต่อ

สิ่งที่ชอบใน FFXIII

  • ระบบ battle แบบใหม่ ที่เหมือนเอาจุดดีของภาค 10 และ 12 มารวมกัน
  • เพลง (ผมว่าเพลงภาคนี้อย่างเทพเลยนะ แต่ใครไม่ชอบเพลงภาคนี้อาจจะเพราะไม่ชอบแนวคอรัส หรืออะไรทำนองนี้มากกว่า)
  • แกรนพลัสกว้างมากกกกกก
  • ภาพ สวยอย่างไม่ต้องสงสัย (แต่เล่นนานๆ แล้วแสงมันวูบวาบๆ ทำเอาตาลายได้ง่ายๆ เหมือนกัน)
  • สัตว์อสูรที่ไม่ไร้ค่าเหมือนภาค 12 (แต่ทำไมโอดีนของเจ๊สายฟ้ามันห่วยเงี้ย!? หรือผมไร้ความสามารถใช้ไม่เป็นกันแน่)
  • ได้ล่าบอสแบบ FFXII อีกแล้ว
  • บอสใหญ่ยากเข้าขั้นมาก (FFหลังๆ บอสใหญ่ของเนื้อเรื่องมีแต่กากๆ สะกิดนิดเดียวก็ตายหะแล้ว) แต่ถ้าเล่นถูกแผน บอสใหญ่ก็จะง่ายกว่าเล่นปรกติ เยอะเหมือนกัน
  • ลูกโบะในหัวอโฟร

สิ่งที่ไม่ชอบใน FFXIII

  • ช่วงแรกของเกม เป็นเส้นตรงเกินไป และดูเร่งรีบไปหมด และบางช่วงดูซ้ำๆ กันเกินไป (แผนที้นี้ กับอีกแผนที้เป็นห้องลักษณะแบบเดียวกัน แถมไม่ใช่แค่ 2 แผนที่ แต่เป็นถึง 4-5 แผนที่ซ้อนกันอะไรประมาณนั้น)
  • มอนสเตอร์ดูขาดความหลากหลายไปหน่อย อาศัยเปลี่ยนสกินซะเยอะ (โมลโบล หายไปไหนอะ!)
  • แกรนพลัสน่าจะกว้างกว่านี้ (มีแม๊ปในแกรนพลัสเยอะกว่านี้)
  • ไม่มีสิ่งที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นแค้มป์ บ้าน เมือง เรือเหาะ หรือ แหล่งกบดาน ของกลุ่มตัวเอก เลยทำให้รู้สึกขาดๆ อะไรสักอย่าง
  • อีแอ๊บแบ๊ว… ทำอะไรก็แอ๊บไปหมด มันจะแอ๊บเกินไปหน่อยปะ…
  • ระบบอัปเกรดอาวุธ ที่ดูขัดคอมม่อนเซ้นส์ของเกมทั่วๆ ไปเกินไปหน่อย

เนื้อเรื่องยังลังเลอยู่ ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ เนื่องจากเข้าใจได้ราวๆ 60-70% จุดสำคัญบางส่วนก็ยังไม่เข้าใจว่ามันจะทำไปทำไม เลยเดี๋ยวอาจจะต้องรอดูตอน eng ออกอีกรอบ

Game of The Year 2009 (จริงๆคือจะพูดถึง Demon’s Soul)

เป็นธรรมเนียมที่ทุกๆ สิ้นปี บรรดาสำนักวิจารย์เกมต่างๆ จะต้องมาให้รางวัลเกมแห่งปีกัน

สำหรับนิตยสารในไทยอย่าง Future Gamer ที่เป็นนิตยสารเกม PC อย่างเดียว ก็ให้รางวัล GOTY กับ Dragon Age Origin ไปกิน

ส่วนเว็บไซท์ IGN ฝั่ง PC เองก็เป็น Dragon Age Origin เช่นเดียวกัน แม้แต่ Gamespot ก็ให้รางวัล PC GOTY กับ Dragon Age Origin เหมือนกันเรียกได้ว่าแถบจะเป็นเอกฉันท์สำหรับเกม PC ถึงแม้ว่า DAO จะเป็นเกม multiplatform ก็ตามแต่อาจจะเป็นได้ว่าเกมอย่าง DAO นั้นเหมาะที่จะเล่นบน PC ที่สุดแล้ว

แต่ที่ต้องทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อยคือ Demon’s Soul ได้รับรางวัล GOTY รวมทุก platofrm จาก Gamespot (แค่ได้ GOTY ของ PS3 ก็ผลิกโผพอสมควรแล้ว นึกว่าจะเป็นเกม เดินหน้ายิงแหลกอย่าง Killzone หรือ พี่เดรก Uncharted2 ตามปรกติฝรั่งนิยมซะอีก) ในขณะที่ IGN ให้ Demon’s Soul เป็น Best RPG ของ PS3

Demon’s Soul จากค่าย Fromsoftware เป็นเกมแนว Action RPG  แบบ Dark Fantasy เช่นเดียวกับ DAO ที่ถ้าถามคนที่เคยเล่นมา สิ่งนึงที่ทุกคนจะต้องพูดเหมือนกันคือ “เกมแม่ม ซาดิส ได้ใจ” นั่นก็เพราะว่า Demon’s Soul ไม่ใช่เกมที่ปรานีกับคนเล่นมากนัก แม้แต่ฉากติวโตเรียล คุณจะเจอบอสที่สามารถฆ่าคุณได้ในการโจมตีเพียง 1-2 ครั้ง ราวกับว่าผู้สร้างเกมไม่ต้องการให้คนเล่นชนะ

แต่ถ้าคุณดันชนะไอ้บอสนั่นขึ้นมาจริง ก็จะได้รางวัลเป็นโซลของบอส ที่จะเอาไว้ใช้ตีอาวุธต่อไป (เก็บเอาจากในฉากปรกติก็ได้) แต่ที่จุดสิ้นสุดของฉากก็จะต้องเจอกับมังกรยักษ์ออกมาพ่นไฟใส่ เหมือนเสียงสวรรค์สั่งว่า “เสือกฆ่าบอสผ่านมาได้ งั้นก็ตายซะตรงนี้ เดี๋ยวนี้!” และนั่นคือการเริ่มต้นที่แท้จริงของเกม

อันที่จริง จะเรียกว่าเริ่มต้นจริงๆ ก็อาจจะยังไม่ได้เพราะหลังจากจบติวโตเรียลแรกไป ผู้เล่นจะถูกบังคับให้เล่นฉากแรกต่อทันที โดยในช่วงนี้จะยังไม่สามารถเพิ่มเลเวลหรือ เรียนเวทย์ใหม่ได้จนกว่าจะฆ่าบอสฉากแรกได้นั่นแหละ ซึ่งในการเล่นครั้งแรก หลายๆ คนก็คงตายไปไม่ต่ำกว่า 4-5 รอบในฉากนี้ไปแล้ว

Demon’s Soul เป็นเกมที่ให้ผู้เล่นเรียนรู้จากการตาย การประมาทเพียงเสี้ยววินาที ก็ส่งผลต่อชีวิตได้ ไม่ว่าจะโดนศัตรูรุมจากรอบด้าน หรือโดนมังกรเผาตาย หรือแม้แต่โดนบอสกระแทกตกเหวตาย

ทางด้านเนื้อเรื่อง Demon’s Soul มีวิธีการให้ผู้เล่นซึมซับเนื้อเรื่องที่แปลก และดีเอามากๆ เกมมีคัทซีนที่จะเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด 1 ฉาก และ ฉากทั้ง 5 ฉากถูกออกแบบมาได้เป็นเอกลักษณ์ และ npc ในเกมถึงจะมีเพียงหยิบมือเดียว แต่บทพูดของทุกคน ล้วนแต่มีนัยยะสำคัญทั้งนั้น ผู้เล่นจะสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ จากในเกมได้ผ่านทางบทพูดของ NPC และจากรายละเอียดของไอเท็มที่ผู้เล่นเก็บได้

 

เล่ามาขนาดนี้จริงๆ แล้วผมแปลกใจครับที่ Gamespot ให้ DS เป็น GOTY เพราะขนาด มอนฮัน ที่บ้านเราหรือญี่ปุ่นติดกันงอมแงม Gamespot ยังไม่เหลียวแลเลยครับ! ทั้งๆ เกมแม่มซาดิสได้ใจไม่แพ้กัน

ปล. ผมไม่มี 360 ครับ  เลยขี้เกียจพูดถึงเกมฝั่ง 360

ปล. จบ FFXIII แล้วครับ ตอนนี้กำลังนั่งล่าบอสในเกมต่ออยู่ ไว้วันหลังจะมาพูดถึง

ปี 2009 กับเกมที่เล่น

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว เลยลองลิสต์ดูว่าปีนี้เราเล่นเกมอะไรไปบ้าง ที่เขียนไว้ก็จะมีแต่เกมที่เล่นจริงจัง ไอ้พวกที่เปิดมาเล่นแปบเดียวแล้วก็ลบทิ้ง หรือไม่ได้เล่นต่อคงจะไม่พูดถึงอะไรเท่าไหร

เกมยอดเยี่ยมประจำใจของปีนี้

  • Dragon Age Origin (PC)

เกมที่ดีผิดคาด

  • Demon’s Soul (PS3)
  • Unchart 2 (PS3)
  • Plant VS Zombie (PC)
  • Batman Arkham Asylum (PC)
  • ผู้กล้า 30 วิ (PSP)

เกมดีที่เล่น แต่ไม่ค่อยมีอะไรประทับใจเป็นพิเศษเท่าไหร

  • Ninja Gaiden Zigma 2 (PS3)
  • God of War Collection (PS3)
  • Patapon 2 (PSP)
  • Redfaction: Guerrilla (PC)
  • The Last Remnant (PC)
  • Warhammer 40k: Dawn of War 2 (PC)

เกมที่ไม่ประทับใจอย่างที่คิด แต่ก็เล่นจบ

  • Call of Duty: Modern Warfare 2 (PC)
  • Biohazard 5 (PS3)
  • H.A.W.X (PC)

เกมในโหลดองที่เพิ่งจะเล่นจบปีนี้

  • Mass Effect (PC)

เกมของปีนี้ที่ยังเล่นไม่จบ

  • โทคิเมคิ 4 (PSP)
  • Tales of Vesperia (PS3)
  • Left 4 Dead 2 (PC) (จบครบ 5 แผนที่ จะถือว่าจบเกมไหม?)

เกมของปีนี้ที่เล่นยังไม่จบและท่าทางจะเล่นไม่จบ (เข้าโหลดองไปเรียบร้อย)

  • Armored Core 3 Portable (PSP)
  • S.T.A.L.K.E.R. Clear sky
  • Final Fantasy XI: Addon2 ตัวหลัง (PC) (ควรจะนับปะเนี่ย? แต่สงสัยจะไม่ได้กลับไปวานาดีลแล้วหละ ไม่งั้นเดียวไม่จบ ป.โท…)

เกมของปีนี้ที่ยังไม่ได้เล่น และคาดว่ามันต้องดีแน่ๆ

  • Final Fantasy XIII (PS3) แหงสิ… เหลือเกมเดียวแล้วนิหว่าปีนี้ อีกไม่กี่วันเดียวก็รู้กัน

 

ดูไปดูมาปีนี้เราก็เล่นเกม PS3  เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

บางเกมมีหลาย platform ครับแต่ที่ผมวงเล็บคือ platform ที่ผมเล่น

 

ตรง เกมที่ไม่ประทับใจอย่างที่คิดไว้เดียวจะมาพูดกันทีหลัง ถ้ามีโอกาส… ว่าทำไม 3 เกมนั้นผมถึงจัดไว้หมวดนั้น

ปล. เปลี่ยนธีมของบล็อกใหม่แล้ว ขยายพื้นที่ content ขึ้นจะได้แปะรูปสะดวกๆ หน่อย
ปล2. สัปดาห์หน้าสอบบบบบบบบบบบบ

 


มีคนบอกให้ประมาณชั่วโมงเล่นมาด้วย เลยมาลองๆ คิดดู

  • Dragon Age Origin ในเพลย์ไทม์ เขียนไว้ 50 ชั่วโมงกว่าๆ แต่คาดว่าจริงๆ แล้ว 70+hr ขึ้น
  • Unchart 2 จบไป 2 รอบรอบนึงน่าจะราวๆ 8-10 ชั่วโมง
  • Demon’s Soul จบไป6 รอบได้ 2รอบแรก จบตอนเล่นบน PSN ฮ่องกง 4รอบถัดมาจบตอน PSN ไทยรวมชั่วโมง น่าจะสัก 40 ชั่วโมงได้ (รอบแรกที่เล่นจะช้าหน่อยเพราะต้องฟาร์มของเยอะ กับลองผิดลองถูกเยอะ แต่พอรู้หลักหมดแล้ว รอบต่อๆ ไปจะแปบเดียวจบ)
  • Plant VS Zombie เล่นจบไปรอบเดียว กับเคลียทุก mini game ไม่รวมเวลาที่นั่งทำงานแล้วเปิดสวนปล่อยหอยทากวิ่งไล่เก็บเหรียญ ก็น่าจะสักราวๆ 5-6 ชั่วโมงมั้ง
  • Batman Arkham Asylum จบไปรอบเดียว กับเคลีย challengeบางส่วน น่าจะรวมๆ 10-12 ชั่วโม
  • Ninja Gaiden Zigma 2 จบรอบเดียว ประมาณว่า 8-10 ชั่วโมง
  • God of War Collection รวม 2 ภาคเล่นไป 17 ชั่วโมง
  • Patapon 2 จบรอบเดียวเล่นแบบ easy ด้วยขี้เกียจนั่งฟาร์มของ รวมๆ น่าจะ 8 ชั่วโมง
  • Redfaction: Guerrilla จบรอบเดียวแบบ รีบๆ เล่นให้จบ ตีไป 8 ชั่วโมง
  • The Last Remnant จำเวลาแน่นอนไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บไซด์เควสครบ ประมาณคร่าวๆ ก็น่าจะสัก 35-40 ชั่วโมง
  • Warhammer 40k: Dawn of War2 campaign หลัก 8 ชั่วโมงไม่น่าเกิน
  • Call of Duty: Modern Warfare 2 เล่นแต่ campaign หลัก 5 ชั่วโมงได้ จบแล้วก็เลิก
  • Biohazard 5 นั่งเล่นทั้งวันทั้งคืนกับน้อง ปั่นๆ ให้มันจบๆไป จำเวลาแน่นอนไม่ได้แต่คิดว่าราวๆ 6-8 ชั่วโมงได้มั้ง
  • H.A.W.X จบรอบเดียวพอ ไม่เห็นค่าอะไรที่จะต้องมาเล่นอีกรอบ ประมาณว่า 5 ชั่วโมง
  • Mass Effect เล่นแต่ main story line คิดว่าไม่เกิน 30 ชั่วโมง

รวมคร่าวๆ ทุกๆ เกมก็ราวๆ 269 ชั่วโมง ถ้าตีเป็นวันก็คือ 11 วันเศษๆ ของทั้งปีจะนั่งเล่นเกมอย่างเดียว

… จำนวนชั่วโมง FFXI ที่เล่นของปีนี้? ไม่ขอนับละกัน…

Dragon Age Origin กับเกม RPG ยุคเก่าๆ

หลายปีแล้วครับ ที่ไม่ได้เล่นเกม RPG ฝรั่ง ที่มีเนื้อหาลึกและจริงจังรวมทั้งรู้สึกว่าตัวเราเองอยู่ในเกมนั้นจริงๆ นับตั้งแต่ Baldur’s Gate 2 (BG2) มา

ว่ากันซื่อๆ ถ้าไม่นับ Dragon Age Origin (DAO) เกมก่อนหน้าอย่าง Never Winter Night 2 (NWN2) ก็ยังตอบโจทย์เกม RPG อย่างที่ผมอยากจะเล่นได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเกมมันไม่ดี แต่เกมมันยังขาดๆ อะไรไปบางอย่าง หรือ NWN ภาคแรกนั้นยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เพราะกลายเป็นเกมที่เราบังคับเพียงแค่ตัวเดียวลุยดันเจี้ยนคนเดียว (ถ้าหากเล่นคนเดียว ไม่ได้เล่น multiplayer กับคนอื่น) ซึ่งมันผิดธรรมชาติของเกมแนว D&D มาก

bgbox

เกม RPG ฝรั่งเกมแรกที่ผมเล่นแล้ว รู้สึกร่วมไปกับตัวเกมจริงๆ ก็เห็นจะไม่พ้น Baldur’s Gate 1 นั่นนะแหละครับ แต่ด้วยความว่าอะไรสักอย่าง… ผมจำได้ว่าเล่นภาคนั้นไม่จบทั้งๆ ที่เล่นจนไปถึงเมือง Baldur’s Gate แล้ว และไม่มีโอกาสได้เล่นภาคเสริมที่ชื่อ Tales of the Sword Coast ด้วย (เกิดไม่ทันยุค Fallout 1,2 ครับ… ขอโทษด้วย)

256px-Planescape-torment-box

แต่ไม่กี่ปีถัดมา ค่าย BlackIsle ก็ได้ปล่อยผลงานระดับ master piece ชิ้นถัดมานั่นคือ Torment ซึ่งเป็นเกมแนว D&D เหมือนกันแต่ยืนพื้นบนโลกPlane Scape แทนที่จะเป็นโลก Forgotten Realm ว่ากันตรงๆ โลก Plane Scape ดูจะมีเสน่ห์มากกว่าโลก Forgotten Realm อีกในความคิดผม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เลยมีเกมนี้เกมเดียวที่ใช้โลก Plane Scape เป็นแบ็กกราวน์

จุดแตกต่างระหว่าง Plane Scape กับ Forgotten Realm ก็คือ Plane Scape จะมีบรรดาตัวละครที่พิลึกพิลั่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแสนดีของตัวเอก (Nameless One) ที่ชื่อ Morte ที่เป็นหัวกะโหลกลอยได้ หรือ หุ่นยนต์ Mordon ที่ใช้หน้าไม้เป็นอาวุธ และบรรดาเมืองในเกมก็ออกจะพิลึกไม่แพ้เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับ Forgotten Realm แล้วก็จะเป็นแฟนตาซี แบบที่ดูจริงจังกว่า และธรรมดากว่าด้วยเช่นกัน

BGIIbox BGIIToBBox

อย่างไรก็ดี เมื่อการเดินทางของเหล่าลูกๆ ของ Baal ใน Tales of the Sword Coast ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด Bioware/Black Isle ก็ได้ปล่อยภาคต่อของ BG อีกครั้งในชื่อ Baldur’s Gate 2: Shadow of Amn และภาคเสริมซึ่งเป็นบทสรุปของการเดินทางในชื่อ Throne of Bhaal แน่นอนว่าดังเป็นพลุแตกในสมัยนั้น ไม่มีเกม RPG เกมไหนที่จะทำเนื้อเรื่องได้อย่าง BG2 แล้ว

แต่ เป็นที่น่าเสียดาย… อย่างยิ่ง เมื่อค่ายแม่ของ Black Isle ในตอนนั้นที่ชื่อ Interplay ดันมีอันเป็นไปซะก่อน ตำนานของ Black Isle ก็เลยจบลงไปด้วย แต่ยังดีที่เหล่าทีมงานของ Black Isle ยังรวมตัวกันใหม่ได้กลายเป็น Obsidian ในเวลาถัดมา ส่วนทางค่าย Bioware เป็นผู้พัฒนาหลักของ Baldur Gate ก็ย้ายไปซบอก Atariให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมแทนอยู่สักพักใหญ่ๆ จนปัจจุบันโดน EA ซื้อไปอย่างที่รู้ๆ กัน (แสรดดด กรูเกลียด EA t= =t)

ในตอนแรกผมเอง ก็เฉยๆ กับ DAO แต่พอได้ยินว่าเกมนี้จะเป็นตัวแทนและเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของ Baldur’s Gate นั่นทำไมผมสนใจ DAO ขึ้นมาทันที

รูปเสีย

Dragon Age Origin เป็นเกม RPG แนว Dark Fantasy (หรือ Fantasy แนวจริงจัง ที่ไม่ได้ขายความโมเอะอย่างการ์ตูน Fantasy ญี่ปุ่นแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพบมาในเกม BG2 นั้นมีอยู่ใน DAO หมด มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเดิมๆ สมัยกราฟฟิค 2 มิติ แต่มันถูกพัฒนาถ่ายทอดออกมาเป็น 3 มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบ NWN เพราะเทคโนโลยี 3D ในตอนนั้นยังมีความสามารถไม่พอที่จะถ่ายทอดอะไรหลายๆ อย่างออกมาได้) และมีเนื้อหาที่จริงจัง เต็มไปด้วยตัวเลือก ทั้งซีเรียส ปนฮา และเลือกไม่ถูก ทางเลือกหลายๆ ทางอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ผู้เล่นมีสิทธิ์เต็มที่ ในการกำหนดทิศทางของตัวเกมในมุมมองของผู้เล่นเองเช่นเดียวกับเกมก่อนหน้านี้ ของ Bioware เอง และตัวเลือกเหล่านี้ที่เราเลือกไปจะมีผลในตอนจบเป็นข้อความบรรยายเหตการณ์ หลังจากนั้นว่าใครทำอะไรต่อ และเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รูปเสีย

ซึ่งผมพบว่าตอนจบที่ ผมเล่น มันไม่ได้สวยหรูไปทุกอย่างอย่างที่ผมคาด หรือมุมมองของผู้เล่นที่อยากจะเล่นเป็นคนดี (เล่นรอบแรกขอเล่นเป็นคนดีไว้ก่อนครับ… รอบสอง รอบสาม ถ้ามีโอกาสจะเล่นชั่วแค่ไหนเดียวค่อยว่ากัน) แก้ปัญหาทุกอย่างตามมุมมองของคนดีแต่ปัญหาบางอย่างกลับเลวร้ายกว่าเดิม

หรือ ตัวละครบางตัวที่ในสายตาตอนแรกมันเป็นคนที่น่าฆ่าทิ้งมากๆ… แต่เมื่อเล่นๆ ไปกลับพบว่ามุมมองของตัวละครตัวนี้ มีอะไรบางอย่าง ที่เราไม่คาดคิด (แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวในเกมจะเป็นแบบนี้)

เช่น เดียวกับ BG2 ในตอนจบที่สรุปเรื่องราวของพวกเราแต่ละคนหลังจากจบเกม หลายๆ คนเรื่องราวก็จบไม่สวยเท่าไหร่ แต่มันก็ดูมีเหตุผล และจริงจังในตัวของมันเอง

ทั้ง นี้ทั้งนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับผู้เขียนบทต่างๆ ที่ใส่ตัวเลือกมาให้เรามากมาย แม้ว่าหลายๆ ตัวเลือกจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน แต่มันช่วยสร้างความรู้สึกได้ว่า เราเป็นตัวละครในเกมจริงๆ เราเป็นผู้ตอบคำถามจริงๆ (ไม่ใช่ Yes No Ok อย่างเกมอื่นๆ)

ปล. ตัวละครตัวที่ผมชอบมาใน DAO คือ Shale ครับ

รูปเสีย

Shale เป็นโกเลม (สปอยเล็กน้อย) แต่ถ้าเป็นโกเลมที่ไร้อารมณ์ เชื่อฟังเจ้านายทุกอย่าง อย่างที่มันควรจะเป็น ก็คงจืดชืดไปหน่อยคนแต่งบทเลยจัดแจงใหม่

กลายเป็น โกเลม เจ้าอารมณ์ ที่เกลียดนก และสัตว์มีปีกทุกชนิดเป็นชีวิตจิตใจ

เพราะหลายปีที่ต้องยืนนิ่งๆ ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ในหมู่บ้านเพราะโดนเจ้านายคนเก่าปิดการทำงานเอาไว้

ชาวบ้านชอบเอาอาหารนกมาโปรยไว้ใกล้ๆ Shale

นก ก็เลยขี้รด Shale มาตลอด… ก็เลยเป็นโกเลมที่เกลียดนกเข้าไส้… จนเข้าขั้นจิตตก ได้ยินเสียงนกร้องเป็นไม่ได้ ต้องหันควับไปหา … และเหยียบทิ้ง

รูปเสีย

และยังชอบบดขยี้สิ่งมีชีวิตด้วยความสะใจในอารมณ์

แถมท้าย

ชุด Collector ของ Baldur’s Gate 2

IMAG0007

IMAG0008

เทียบกะชุด Collector ของ Dragon Age Origin

IMAG0004

… ความขลังต่างกันเห็นๆ เลยฟระ orz ทำไมเกมสมัยนี้ชอบให้เป็น digital content กันจังวะ

บาป Commart รอบนี้…

IMAG0001

ไอ้ด้านหลัง เห็นพ่อชอบถ่ายรูป เลยซื้อมาเดียวจะเอาไปให้พ่อใช้ด้วย

ส่วนไอ้ด้านหน้านั้น มาแทน 8800GTX ที่ถึงแก่กรรมไปเมื่อวันพฤหัส….

8800GTX ซื้อมาตอน เดือน 12 ปี 06 ครับ
ใส่พัดลม ZALMAN ไปตอนต้นปี 08 ได้มั้ง
ยังไม่ทันจะครบ 3 ปี เลยอยู่ดีๆ ก็ด่วนจากไปซะก่อน… (อึดต่ออีกนิดรอ GT300ออกก่อนก็ไม่ได้… แสรดดดดดดด)

รอบนี้เลยถือโอกาศ ลองเปลี่ยนเป็น ATI ดูบ้างดีกว่า

ส่วนความแรง? จากเดิมเล่น Dragon Age Origin ที่ 1980*1200 มีกระตุกนิดหน่อย พอกลายเป็นการ์ดจอตัวใหม่ นี่ลื่นปรี๊ดแถมเปิด FSAA 8x ได้ไม่กระตุกด้วยครับ… ของมันแรงจริง =-=b

Demon’s Soul

Demon’s Soul เป็นเกมแนว ActionRPG จากค่าย From Software ซึ่งถึงแม้ว่าระยะหลังนี้ เราจะเห็นแต่เกมหุ่นยนต์จากค่ายนี้ (ArmoredCore Series, ACE etc.) แต่จริงๆ แล้วค่าย Fromsoft เองยังมีซีรี่ย์เกม RPG เป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน คือ King Field

ซึ่งจุดร่วมอย่างนึงของทุกเกมจากค่ายนี้ก็คือ ไม่เคยอธิบายเนื้อเรื่องไว้ชัดเจน หรือชอบให้คนเล่นไปนั่งคิดเนื้อเรื่้องต่อกันเองนั่นแล

และ แต่ละเกมก็มักจะหยิบยืมสิ่งต่างๆ จากอีกเกมมาใส่ไว้ในอีกเกม เช่นดาบ Moonlight ที่มีในเกือบทุกเกม (King Field, Armored Core, Demon’s Soul)

เนื้อเรื่องของ Demon’s Soul กล่าวไว้ว่า
นานมาแล้ว
เหล่าผู้คนที่รวมโลกเป็นหนึ่งด้วยพลังแห่งวิญญาณ ได้ปลุก “Old One” ด้วย Old One ได้นำพาหมอกไร้สี และฝูงปีศาจ, กว่าครึ่งโลกแ ขี้เกียจเขียนแล้ว หาอ่านกันเองนะ

Official Guide ที่ให้มารายละเอียดครบมากครับ มีทุกอย่างที่ควรจะมี
แต่ปก กับ กระดาษก็ห่วยมากเช่นกัน… ใช้งานได้แค่วันเดียว ปกก็สีลอกจากการโดนเหงื่อกัดแล้วแล้ว… เลยต้องรีบเอาไปห่อปกพลาสติก ก่อนมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้
ในขณะที่ Art Book ที่ให้มา ภาพก็สวยอยู่ แต่น่าจะมีเยอะกว่านี้หน่อย จริงๆ คือน่าจะให้ใส่ลงกล่องได้ด้วย ไม่น่าให้แยกออกมาจากตัวกล่องแบบนี้